“ณัฐพล” รอ “สธ.” ชงมาตรการล็อคดาวน์ หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตยังสูงต่อเนื่อง ขอเวลาประเมิน 15 วัน เพราะต้องคำนึงถึง “งบเยียวยา” ที่สูงมากด้วย อ้างหน่วยงานรัฐให้ความร่วมมือ FWH ยกเว้น “ภาคเอกชน” ที่ยังปฏิบัติไม่เต็มที่
เมื่อวันที่ 7 ก.ค.64 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการบริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงข้อเสนอให้ ศบค. ออกมาตรการ “ล็อคดาวน์” เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นต่อเนื่องว่า ได้ยินอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้รอข้อเสนออย่างเป็นทางการ และรับฟังความเห็นจากทาง กระทรวงสาธารณสุข ก่อน เป็นลำดับแรก โดย ศบค.พร้อมรับไว้พิจารณาอยู่แล้ว จากนั้นจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ แต่ตัวเลขจะถึงขั้นไหน ค่อยมาว่ากันอีกที
“อยากให้สื่อทำความเข้าใจกับคำว่า “ล็อคดาวน์” ว่าหมายความว่าอย่างไร ถ้าเป็นเหมือนตอนเดือนเม.ย.63 คือการล็อคดาวน์จริง เพราะรวมถึงการเคอร์ฟิวด้วย แต่หลังจากนั้นไม่ใช่ล็อคดาวน์ แต่เป็นการปิดกิจการและจำกัดการเคลื่อนย้าย ฉะนั้นถ้าใช้คำว่า “ล็อคดาวน์” ในขณะนี้ที่เป็นการปิดบางกิจการ คนจะเข้าเข้าใจว่าเหมือนเดือนเม.ย.63 ซึ่งความหมายจะผิดเพี้ยนไป”พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะพิจารณาเรื่องนี้ ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าตัวเลขเพิ่มขึ้น ก็อาจจะเร็วกว่านั้น แต่ถ้ายังเป็นลักษณะขึ้น-ลงแบบนี้ อาจรอดูสถานการณ์ให้ครบ 15 วัน เพื่อประเมินทีเดียวแล้วดูให้ครบถ้วน โดยเราทำอย่างอื่นไปด้วย เช่น ควบคุมการเคลื่อนย้าย การแก้ปัญหารักษาพยาบาล เรื่องเตียงไม่พอ ไม่ใช่ว่าจะนั่งรอดูตัวเลขเฉยๆ
เมื่อถามว่า หากจะประกาศล็อคดาวน์ จะประกาศเฉพาะพื้นที่ ที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตามากที่สุด หรือจะประกาศในภาพรวมทั้งหมด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะเน้นเข้มข้นในพื้นที่แพร่ระบาด ทั้งใน กทม.และปริมณฑล หรือ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นจะมีมาตรการเสริม หากล็อคดาวน์หรือ Semi-Lockdown หรืออะไรก็ตาม ถ้าทำเฉพาะ กทม.หรือปริมณฑล แต่พื้นที่อื่นไม่ทำ จะไม่สอดคล้องกัน ฉะนั้นต้องลดหลั่นไปตามเหมาะสม
เมื่อถามว่า เหตุใดรัฐบาลถึงเลี่ยงคำว่า “ล็อคดาวน์” พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยง แต่ความหมายต้องชัดเจน คำว่า “ล็อค” คือไม่ให้ไปไหน แต่ช่วงหลังให้ไปไหนมาไหนได้ เมื่อใดที่ต้องใช้คำว่า “ล็อคดาวน์” หรือทำบางช่วงเวลาและบางพื้นที่ ต้องระบุให้ชัดเจน
เมื่อถามว่า การล็อคดาวน์ช่วงเดือน เม.ย.63 ได้ผล จึงมีข้อเสนอให้ล็อคดาวน์ขึ้นมาอีกครั้ง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า ผู้ประกอบการหาเช้ากินค่ำ หรือผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ เดือดร้อนมาก ถ้าทำอย่างนั้น คนจะเดือดร้อนจำนวนมาก ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้แจ้งข้อมูลในช่วง เม.ย.63 ว่าใช้งบประมาณเยียวยา เดือนละเกือบ 3 แสนล้านบาท ถ้าเราทำอีก จะต้องหางบประมาณมาเยียวยาประชาชนอีกมาก ซึ่งในข้อเท็จจริง แม้จะใช้งบถึงเดือนละ 3 แสนล้านบาทก็ยังไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้ทั่วถึง ทาง ศบค.คำนึงผลกระทบตรงนี้ที่มีต่อประชาชน จึงให้บางส่วนยังหากินได้ ไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดคือสิ่งที่ดีที่สุด และหากจะทำ ต้องวิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นสาเหตุทั้งหมด ถ้ากระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าต้นเหตุคือทั้งหมดทุกส่วน ก็จำเป็นต้องล็อคดาวน์
เมื่อถามถึง มาตรการขอความร่วมมือ Work from Home แต่ยังไม่ถึง 75% ศบค.จะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ข้อกำหนดทุกฉบับที่ออกมา จะเน้นว่าให้ทำงานที่บ้านสูงสุด แต่ส่วนราชการบางส่วน มีภารกิจบริการประชาชน บางส่วนมีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดิน บางส่วนมีหน้าที่ด้านความมั่นคง ที่จำเป็นต้องมาทำงาน โดยรัฐบาลและ ศบค.ย้ำเสมอว่า เมื่อมาทำงานต้องระวัง และที่ผ่านมา หน่วยงานที่ขอความร่วมมือ แต่ยังปฎิบัติไม่เต็มที่คือ “ภาคเอกชน”