อย. อนุมัติขึ้นทะเบียนชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองแล้ว ซื้อได้ผ่านสถานพยาบาล หน่วยงานของรัฐ และร้านขายยาที่มีเภสัชกรให้คำแนะนำ ขอให้ผู้บริโภคสังเกตข้อความบนฉลาก “บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้”
เมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ขยายวงกว้าง แล มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนต้องรอคิวตรวจด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR เป็นจำนวนมาก และเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรอง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึง การตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ด้วยตนเอง ด้วยการอนุมัติขึ้นทะเบียนชุดตรวจ โควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง ( Antigen test self-test kits ) เพื่อให้ประชาชนรู้ถึงสถานการณ์การติดเชื้อของตนเองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
ซึ่งจะเป็นการคัดแยกผู้ติดเชื้อได้รวดเร็วขึ้นและให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที ขณะนี้ อย. อนุมัติขึ้นทะเบียนแล้วจำนวน 4 รายการ ซึ่งคาดว่าผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะเริ่มกระจายชุดตรวจไปถึงมือประชาชนได้ตั้งแต่วันนี้
ทั้งนี้ ชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองนี้จะวางจำหน่ายในสถานพยาบาล หน่วยงานของรัฐ และร้าน ขายยาที่มีเภสัชกร เพื่อให้คำแนะนำแก่ประชาชนเกี่ยวกับวิธีการใช้ วิธีการเก็บสิ่งส่งตรวจ วิธีการแปลผล ข้อปฏิบัติตัวหลังทราบผลการตรวจ และการทิ้งชุดตรวจอย่างเหมาะสม ขอให้ผู้บริโภคสังเกตที่ฉลากของชุดตรวจจะมีข้อความภาษาไทยระบุว่า “บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้” และเลขที่ประเมินเทคโนโลยี ที่ได้รับอนุมัติจาก อย. ปรากฏบนฉลากหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ด้วย ซึ่งชุดตรวจดังกล่าวจะเป็นการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหน้าหรือน้ำลาย โดยภายในชุดตรวจจะมีคู่มืออธิบายถึงวิธีการใช้ และวิธีการแปลผลฉบับภาษาไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและนำไปใช้ได้ได้อย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตามผู้บริโภคสามารถสามารถตรวจสอบชุดตรวจที่ได้รับอนุญาตจาก อย.ได้ทางเว็บไซต์กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ https://www.fda.moph.go.th/sites/Medical/SitePages/test_kit_covid19.aspx
ทั้งนี้ ผู้บริโภคไม่ควรซื้อชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองผ่านทางสื่อออนไลน์หรือแหล่งอื่น เนื่องจากอาจได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน เสี่ยงต่อการนำไปใช้และแปลผลผิดพลาด สำหรับผู้ประกอบการที่จะโฆษณาจำหน่ายชุดตรวจต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อน หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ