สธ.เผย “ไฟเซอร์” เริ่มฉีดได้ 9 ส.ค. เจาะ 4 กลุ่มเป้าหมาย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ดูแผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศเป็นบูสเตอร์โดส จำนวน 7 แสนโดส
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 64 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงกรณีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ว่า สธ.โดยกรมควบคุมโรคได้จัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์มาแล้ว 20 ล้านโดส และอาจจะพ่วงอีก 10 ล้านโดส เข้าใจว่าภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเมื่อได้วัคซีนจะวางแผนจัดสรรดำเนินการให้ประชาชนต่อไป
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันนี้มีการไปรับวัคซีนไฟเซอร์บริจาคจากประเทศสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส กลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์บริจาค มี 4 ส่วน คือ
1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขดูแผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศเป็นบูสเตอร์โดส จำนวน 7 แสนโดส โดยมีการสำรวจรายชื่อให้ รพ.ต่างๆ ส่งมา สธ. ซึ่งคณะทำงานที่มีรองปลัด สธ.เป็นประธานจะกระจายวัคซีนไปยัง รพ.เป้าหมาย เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น เพราะเรามีข้อมูลว่า บุคลากรไม่น้อยติดเชื้อ แม้จะติดจากบ้านและครอบครัว แต่เมื่อไปที่ทำงานก็ทำให้มีบุคลากรเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและต้องกักตัว กระทบต่อการดูแลโรคอื่นและโควิดลดประสิทธิภาพลง
2.ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ซึ่งจะฉีดครอบคลุมในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ป่วย 7 โรคเรื้อรังด้วย กลุ่มนี้ประมาณ 645,000 โดส โดยกระจายในพื้นที่ 13 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวด คือ กทม. ปริมณฑล ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา และ 4 จังหวัดใต้ คือ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
3.คนต่างชาติในแผ่นดินไทย ทำงานในไทย หรือมีญาติพี่น้องคนไทย โดยเป็นผู้สูงอายุ 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์เหมือนคนไทย เนื่องจากวัคซีนนี้เป็นการบริจาคจากต่างชาติ รวมถึงคนไทยจำนวนหนึ่งที่ไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา ที่ประเทศปลายทางกำหนดให้ฉีดไฟเซอร์ โดยจัดให้กลุ่มนี้ 1.5 แสนโดส และ 4.การศึกษาวิจัย 5 พันโดส
นพ.โอภาส กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่ส่งมานั้น 1 ขวดต้องผสมด้วยน้ำเหลือ 0.9% Normal saline ซึ่งผสมเสร็จแล้วจึงฉีดได้ 6 โดส ซึ่งแตกต่างจากแอสตร้าเซนเนก้าและซิโนแวค ที่ฉีดปริมาณ 0.5 ซีซีเข้ากล้าม แต่ไฟเซอร์ฉีด 1 โดส ปริมาณ 0.3 ซีซีเข้ากล้าม ฉีด 2 เข็มห่าง 3 สัปดาห์ ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนการเก็บรักษาคือ อุณหภูมิ -60 ถึง -90 องศาเซลเซียส เวลาออกมาจากอุณหภูมิติดลบ มาเก็บตู้เย็นธรรมดา 2-8 องศาเซลเซียส เก็บได้ 1 เดือน การฉีดจึงต้องมีไทม์ไลน์การจัดการที่แน่ชัด
“ขณะนี้วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสเข้าไทยแล้ว เก็บเข้าคลังบริษัทซิลลิค -70 องศาเซลเซียส นำตัวอย่างวัคซีนส่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยแล้ว คาดว่าวันที่ 2 ส.ค.จะได้รับผลการตรวจคุณภาพและความปลอดภัย เมื่อเรียบร้อยให้บริษัทจัดทำระบบการตรวจสอบย้อนกลับว่า วัคซีนที่ส่งไปมีคุณภาพมาตรฐานตามกำหนดหรือไม่ ซึ่งต้องมีกระบวนการพอสมควรในการแพ็กจัดส่ง”
“จากนั้นวันที่ 5-6 ส.ค. จะส่งวัคซีนล็อตแรกไปฉีดกระตุ้นเข้มกระตุ้นบุคลากรทางการแพทย์ และเข็มแรกในกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายถึงหน่วยบริการ ซึ่งที่กำหนดไว้ คือ รพ.ในจังหวัดนั้น เป็นต้น โดยวันที่ 7-8 ส.ค. รพ.ต้องเตรียมพร้อม มีการซักซ้อมนัดหมายคนมาฉีด เนื่องจาก 1 ขวด ฉีด 6 โดส ต้องควบคุมเวลาอย่างดี เพราะเอาออกมาจากตู้เย็นแล้วอยู่ได้ไม่นาน ความแม่นยำการนัดหมายต้องเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นวัคซีนจะเสียหาย และเริ่มฉีดวันที่ 9 ส.ค. หลังฉีดแล้วจะฉีดเข็มสองห่าง 3 สัปดาห์คาดว่า ปลาย ส.ค.ก็ฉีดได้ครบถ้วน”
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ส่วนวัคซีนที่สหรัฐฯ จะมีการบริจาคเพิ่มเติม ในเรื่องของจำนวนกับเวลา อยู่ในขั้นตอนการหารือในรายละเอียด สหรัฐฯ จะประกาศออกมาแจ้งให้ทราบต่อไป