รัฐบาล เชิญชวนหญิงตั้งครรภ์ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งเป้า 1 เดือน 1 แสนราย สร้างภูมิคุ้มกันแก่แม่เเละเด็ก
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดโครงการรณรงค์ให้หญิงตั้งครรภ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งเป้า “1 เดือน 1 แสนราย” เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.ถึง 13 ต.ค.2564 เร่งเพิ่มจำนวนฉีดวัคซีนให้กับหญิงตั้งครรภ์ จากปัจจุบันฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 5 หมื่นกว่าราย จาก 5 แสนราย
ที่ผ่านมารัฐบาลเร่งระดมฉีดให้วัคซีนให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยง 608 ประกอบด้วย กลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขพบว่าตั้งแต่เม.ย.ถึงปัจจุบัน กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ มีอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ร้อยละ 2.26 หรือเมื่อติดเชื้อแล้วพบว่ามีอาการรุนแรง ส่งผลให้ทารกคลอดก่อนกำหนดและเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 จากแม่ จึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า จะมีการเริ่มระดมฉีดวัคซีนเชิงรุกให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ผ่านช่องทางศูนย์บริการฉีดวัคซีน โรงพยาบาลขนาดใหญ่ และในท้องถิ่น อาทิ รพ.สต. หรือคลินิกฝากครรภ์ ที่จะได้รับการจัดสรรควัคซีนลงไปเพื่ออำนวยความสะดวกมากขึ้น
จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและลดความรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่แม่และเด็กในครรภ์ รวมถึงภูมิคุ้มกันจะส่งผ่านการให้นมบุตรอีกด้วย
นอกจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ขอเชิญชวนให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งฉีดชนิดใดก่อนก็ได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และสามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ระหว่างการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ได้ โดยเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ที่หน่วยบริการในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติทุกแห่ง ทั้งรพ.รัฐ รพ.สต. ศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) และคลินิกเอกชนที่เข้าร่วมฯ ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2564 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย