ชมรมแพทย์ชนบทตั้งคำถาม “เราจะเปิดเทอมเดือนพ.ย.ได้จริงไหม” ?พร้อมกับเสนอแนวทางว่า ต้องฉีดวัคซีนให้นักเรียนอายุ 12-18 ปี และบุคคากร แม่ค้า ภารโรง ชี้เดือนต.ค.คือเดือนแห่งการเตรียมการ
เมื่อวันที่ 26 ก.ย.เพจชมรมแพทย์ชนบท ได้โพสต์ข้อความตั้งคำถามว่า “เดือนพฤศจิกายน เราสามารถเปิดเทอมได้จริงไหม” พร้อมกับระบุข้อความว่า “เราเห็นตรงกันว่า การเปิดเทอมเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ เป็นธงแห่งความหวังของนักเรียน และเป็นบทพิสูจน์ความสามารถในการจัดการของรัฐบาลและสังคม แต่จะทำอย่างไรให้สามารถเปิดเทอมเดือนพฤศจิกายนให้ได้ ท่ามกลางโควิดที่ยังระบาดอยู่”
ชมรมแพทย์ชนบท เสนอแนวทางเรื่องนี้ว่า ต้องจัดวัคซีนให้นักเรียนอายุ 12-18 ปี สำหรับทุกคน รวมทั้งครู บุคลากร แม่ค้า และภารโรงในโรงเรียน โดยเดือนตุลาคมคือเดือนแห่งการเตรียมการ
เด็กนักเรียนติดโควิด ไม่น่าห่วงมาก เพราะเกือบทั้งหมดจะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ นักเรียนกลุ่มนี้จะรับเชื้อไปติดญาติหรือคนในครอบครัวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน แล้วเกิดการแพร่ระบาดในชุมชน ดังนั้น หากนักเรียนทุกคนได้รับวัคซีน อัตราการเกิดโรคจะลดลง การแพร่กระจายเชื้อต่อก็จะน้อยลงตามไปด้วย การฉีดวัคซีนนักเรียนจึงไม่ใช่เพื่อลดการติดเชื้อของเด็กเท่านั้น แต่ยังลดการระบาดของเชื้อในชุมชนและครอบครัวด้วย
ชมรมแพทย์ชนบทให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การติดเชื้อโควิดในกลุ่มเด็ก สามารถทำให้เกิดอาการป่วยที่เรียกว่า MIS-C ย่อมาจาก Multisystem Inflammatory Syndrome in Children หรือ กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบในเด็ก แม้จะพบได้น้อยมาก แต่ก็พบได้ เป็นภาวะป่วยที่เกิดกับใครก็น่าเศร้า
คำถามต่อมาคือ วัคซีนอะไรที่เหมาะสมในกลุ่มเด็กมัธยมศึกษาขึ้นไป หรือช่วงอายุ 12-18 ปี ชมรมแพทย์ชนบทเห็นว่า “ไฟเซอร์” คือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะนอกจากเด็กจะได้ภูมิแล้ว ยังสามารถป้องกันเดลต้าได้ดีกว่าซิโนฟาร์ม ทำให้ลดการแพร่ของเชื้อในชุมชนจากการเปิดโรงเรียนได้
แต่หากใครกังวลเรื่องผลข้างเคียงจากไฟเซอร์ ก็ให้ไปฉีดซิโนฟาร์มที่ประสิทธิผลการเกิดภูมิต่ำกว่า เพราะดีกว่าไม่ฉีด โดยรัฐควรต้องจัดวัคซีนฟรีให้กับเด็กกลุ่มนี้ทุกคน ในเดือนตุลาคมนี้ ไม่ว่าไฟเซอร์หรือซิโนฟาร์ม ส่วนผู้ปกครองคนไหนที่กลัววัคซีนมาก ไม่ประสงค์ให้ลูกฉีด ก็ให้เรียนออนไลน์ที่บ้านต่อไปได้
ขอบคุณข้อความจากเพจ ชมรมแพทย์ชนบท