ศบค.เปิดแผนจัดซื้อวัคซีนโควิด 178.2 ล้านโดสปี 64 ตั้งเป้า ต.ค.นี้ฉีดครอบคลุมร้อยละ 50 อย่างน้อย 1 อำเภอ ทุกจังหวัด วางปี 65 วางแผนซื้อวัคซีน 120 ล้านโดส
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า อธิบดีกรมควบคุมโรคเสนอในที่ประชุมศบค.ว่า มติที่ประชุมอนุกรรมการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มสูตรไขว้ โดยฉีดชิโนฟาร์ม อาจจะฉีดไฟเซอร์ระยะห่างระหว่างเข็ม3 สัปดาห์ หรือฉีดชิโนฟาร์ม 2 เข็มกระตุ้นด้วยแอสตราเซเนกา หลังระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ หรือจะกระตุ้นด้วยไฟเซอร์หลังฉีดไปแล้ว 4 สัปดาห์ แต่ตอนนี้การฉีดวัคซีนชิโนฟาร์มสูตรไขว้ ยังไม่ได้กำหนดเป็นสูตรหลักของประเทศ โดยการใช้สูตรดังกล่าวจึงเป็นไปตามเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนอนุญาตใช้วัคซีนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)และความสมัครใจของผู้รับวัคซีน หรือดุลยพินิจของผู้ให้บริการ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.ยังพูดถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิดให้ครอบคลุมทุกเป้าหมายจำนวน 100 ล้านโดส ความครอบคลุมของวัคซีนร้อยละ 70 ภายในปี 2564 ซึ่งประชากรในประเทศไทย 70 ล้านคน โดยแผนการจัดวัคซีน โควิด-19 ประเทศไทย พ.ศ.2564 รวม 178.2 ล้านโดส ทั้งนี้ การจัดหาวัคซีนโควิด-19 เดือนต.ค.-ธ.ค.2564 ได้ครบตามแผนเป็นจำนวน 126.2 ล้านโดส โดยเป้าหมายในเดือน ต.ค.ครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 50 ทุกจังหวัดและอย่างน้อย 1 อำเภอมีความครอบคลุมร้อยละ 70 และมีต้นแบบ Covid Free Area อย่างน้อย 1 พื้นที่
ซึ่งมีความครอบคลุมร้อยละ 80 และยังคงเพิ่มความครอบคลุมในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงมีครรภ์ให้มากที่สุดรวมถึงครอบคลุมกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา ชั้นมัธยมหรือเทียบเท่า ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 70 ฉีดเข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มในมี.ค.-พ.ค.2564
ส่วนเดือนพ.ย.ครอบคลุมผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 70 ครอบคลุมกลุ่มอายุ 12-17 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่าง 100 ร้อยละ 70 และเข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มในเดือนมิ.ย.2564 และเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยติดเชื้อ โควิด-19 ช่วงเดือนธ.ค.2562-เม.ย.2564 ส่วนธ.ค.ครอบคลุมผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 และ 80 เข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มทุกราย และเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 ทุกราย
ที่ประชุมยังได้รับทราบความก้าวหน้าในการเจรจาจัดซื้อวัคซีน โควิด-19 ต่อจากสหภาพยุโรป(อียู) กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าประเทศในสหภาพยุโรปมีวัคซีน โควิด-19 พร้อมขายต่อ ประกอบด้วย ประเทศสเปนมีวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 165,000 โดส ไฟเซอร์ จำนวน 2,788,110 ล้านโดส และประเทศฮังการี มีวัคซีนแอสตา จำนวน 400,000 โดส
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนการจัดหาวัคซีน โควิด-19 ในปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส แอนสตาจำนวน 60 ล้านโดส กำหนดส่งมอบไตรมาส 1,2,3 ปี 2565 วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 30-50 ล้านโดส กำหนดส่งมอบไตรมาส 1,2,3,4,5 ปี 2565 และวัคซีนตัวอื่นๆ10-30 ล้านโดส และการจัดสรรวัคซีนปี 2565 สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 3-11ปีในผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและเป็นเข็มกระตุ้น (เข็มสาม)
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างเจรจาและจัดทำเงื่อนไขสัญญาให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงินและดำเนินการทำสัญญาต่อไป.