วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS​“กาชาด” ชี้แจงหลังถูกโจมตีค้ากำไรซื้อวัคซีนขาย อบจ.-อบต.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

​“กาชาด” ชี้แจงหลังถูกโจมตีค้ากำไรซื้อวัคซีนขาย อบจ.-อบต.

“กฤษฎา” แจงถี่ยิบหลังถูกโจมตีใช้เงินจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา 2 ล้านโดส หวังขายให้ อบจ.และ อบต.ทั่วประเทศ  เริ่มฉีดให้ประชาชนฟรี เดือนพ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.นายกฤษฎา บุญราช  ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด ชี้แจงถึงกรณีที่มีการอ้างว่า สภากาชาดไทยใช้เงินของตัวเองจองโควต้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna ผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อนำมาขายต่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ นั้น ขอชี้แจงดังนี้  1.สภากาชาดไทยเป็นองค์กรการกุศลที่มีรายได้เป็นเงินบริจาคจากพี่น้องประชาชนและได้รับเงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสภากาชาดไทยไม่ได้เป็นหน่วยงานภาครัฐโดยตรง

2.ช่วงเดือนเม.ย. 2564 ท่ามกลางสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่มีการระบาดรุนแรงมากขึ้น สภากาชาดไทยได้ริเริ่มจัดหาวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชนโดยได้ติดต่อกับหน่วยงานกาชาดในต่างประเทศ และบริษัทผู้จำหน่ายวัคซีนเพื่อจัดหาหรือขอซื้อวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชนตามภารกิจของสภากาชาดไทย 3.ผลการประสานงานกับ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาในประเทศไทย ได้ตกลงจะขายวัคซีน จำนวน 1 ล้านโดส ให้แก่สภากาชาดไทยแต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องซื้อผ่านหน่วยงานของรัฐ คือ องค์การเภสัชกรรม จึงจะขายให้ได้เพราะเป็นนโยบายของบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา

4.องค์การเภสัชกรรมได้คิดราคาขายวัคซีนให้แก่สภากาชาดไทย จำนวน 1 ล้านโดส ในราคาโดสละ 1,100 บาท โดยสภากาชาดไทยได้ใช้งบประมาณของสภา กาชาดไทย ในการสั่งซื้อวัคซีนดังกล่าว จำนวน 100,000 โดส เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทยไปบริการฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า รวมทั้งได้เชิญชวนหน่วยงานทางการแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จำนวน 12 แห่ง ร่วมซื้อด้วย รวมจำนวน 150,000 โดส นอกจากนี้ สภากาชาดไทยได้เชิญชวนให้อบจ. ทั้ง 76 จังหวัด มาร่วมกับสภากาชาดไทยในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัดโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งปรากฏว่ามี อบจ. จำนวน 38 จังหวัด แสดงความจำนงขอร่วมกับสภากาชาดไทยในการซื้อวัคซีนจำนวน 750,000 โดส จากองค์การเภสัชกรรมผ่านสภากาชาดไทย โดยไม่มี อบต. เข้าร่วมโครงการนี้

5. สภากาชาดไทยทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดหาวัคซีนให้หน่วยงานในสังกัดและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงเรียนแพทย์ และ อบจ. จำนวน 38 จังหวัด เพื่อนำวัคซีน รวม 1 ล้านโดส มาฉีดให้กับประชาชน โดยไม่คิดมูลค่าเท่านั้น ไม่ได้เป็นการนำวัคซีนมาขายต่อโดยเรียกเก็บเงินค่าวัคซีน Moderna เกินกว่าราคาโดสละ 1,100 บาท ที่ซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรมแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้สภากาชาดไทยได้ประกาศเปิดเผยต่อสาธารณชนมาตลอด สามารถตรวจสอบราคาที่สภากาชาดไทยซื้อได้จากองค์การเภสัชกรรม ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด แจ้งว่าจะเริ่มทยอยส่งวัคซีนให้สภากาชาดไทยและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป

6. ในเดือนมิ.ย. 2564 ศูนย์บริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ทำเนียบรัฐบาล ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานด้านการแพทย์ซึ่งรวมถึงสภากาชาดไทยด้วยให้เร่งรัดจัดหาวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง สภากาชาดไทยจึงได้มีหนังสือถึงรัฐบาลขอรับการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนให้แก่สภากาชาดไทยจำนวน 946 ล้านบาท เพื่อนำไปจองซื้อวัคซีนโมเดอร์นารุ่นใหม่ ในปี 2565 จำนวน 1 ล้านโดส โดยมีแผนดำเนินงานเพื่อนำวัค ซีนมาให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย นำไปฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าเช่นกัน

ดังนั้น การจัดหาวัคซีนของสภากาชาดไทย ทั้ง 2 โครงการ คือ โครงการแรก จำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งใช้งบประมาณของสภากาชาดไทย หน่วยงานทางการแพทย์ และ อบจ. ในการจัดซื้อวัคซีนซึ่งจะเริ่มฉีดให้แก่ประชาชนในปี 2564 เป็นต้นไป และโครงการที่ 2 จำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งใช้งบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลนั้น จะนำไปฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าในปี 2565 จึงไม่ได้เป็นการนำวัคซีนดังกล่าวไปแสวงหากำไรด้วยการนำไปขายต่อให้แก่ อบจ. หรือองค์กรใด ๆ ในราคาสูงกว่าต้นทุนที่สภากาชาดไทยจ่ายให้แก่องค์การเภสัชกรรมแต่อย่างใด

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img