“เรืองไกร” จ่อยื่นป.ป.ช.ซ้ำสอบทรัพย์สิน “ผบ.ตร.-ปลัดทส.- กก.สิทธิ เพิ่ม หลังพบข้อมูลบางรายการคลาดเคลื่อน
วันที่ 10 ต.ค.64 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ตามที่ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยข้อมูลบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไว้ในเว็บไซต์ ป.ป.ช.ไปแล้วหลายสิบรายนั้น และมีบางรายที่สื่อมวลชนสนใจและได้นำมาลงเป็นข่าว แต่เมื่อติดตามรายละเอียดข้อมูลบัญชีที่ปรากฏในเว็บไซต์ ยังมีข้อมูลบางรายการที่อาจคลาดเคลื่อน ไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน เช่น 1.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ตำแหน่ง ผบ.ตร.ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ณ วันที่ 30 เม.ย.2564 พบว่า รายการทรัพย์สินอื่น ลำดับที่ 14 พระเครื่อง 5 องค์ ได้มาปี 2560 มูลค่าปัจจุบัน ระบุว่า “ประมาณมูลค่ามิได้” และลำดับที่ 25 พระเครื่อง 7 องค์ ได้มาปี 2562-2564 มูลค่าปัจจุบัน ระบุว่า “ประมาณมูลค่ามิได้” กรณีจึงมีข้อสงสัยว่า พระเครื่องทั้ง 12 องค์ ได้มาอย่างไร โดยวิธีใด ทำไมประเมินมูลค่ามิได้ ทั้งที่พึ่งได้มาไม่นาน
นายเรืองไกร กล่าววต่อว่า 2.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ตำแหน่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ณ วันที่ 31 ก.ค.64 พบว่า รายการรายได้ มีการแจ้งรายได้ที่เป็นเงินได้พึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (1) – (8) รวม 2,866,815.40 บาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายการเงินเดือน จำนวน 2,009,963.40 บาท และรายการเบี้ยประชุม จำนวน 984,500.00 บาท มีผลต่างอยู่ 127,648.00 บาท และมีการแจ้งรายได้ที่เป็นดอกเบี้ย จำนวน 1,789,841.91 บาท แต่มีรายการทรัพย์สินที่เป็นเงินฝากรวม 18,210,511.39 บาท คำนวณอัตราดอกเบี้ยต่อเงินฝากเฉลี่ยจะได้ประมาณ ร้อยละ 9.82 กรณีจึงมีข้อสงสัยว่า ผลต่างของรายได้และรายการดอกเบี้ยดังกล่าว มีความสอดคล้องสัมพันธ์กันหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า 3.น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช ตำแหน่ง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ณ วันที่ 25 พ.ค.64 พบว่า หน้าแรก ซึ่งมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อกำกับ นั้น มีข้อมูลที่อาจคลาดเคลื่อนคือ มีการระบุว่า วันที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งหรือคำสั่งแต่งตั้งวันที่ 25 พ.ค.46 กรณีจึงมีข้อสงสัยว่า การลง พ.ศ.46 อาจผิดหลงไป แต่ควรมีการแก้ไขให้ถูกเป็น พ.ศ.64 และให้ผู้เกี่ยวข้องลงนามกำกับไว้ ดังนั้น กรณีที่เกิดขึ้นย่อมแสดงให้เห็นความไม่รอบคอบในการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ได้ เพราะในหน้าแรกดังกล่าว ซึ่งควรเป็นความรับผิดชอบโดยการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ที่มีทั้งเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินเชี่ยวชาญ ลงลายมือชื่อกับ ประธาน ป.ป.ช.ด้วย
โดยในวันที่ 11 ต.ค.นี้ ตนจึงจะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบรายการบัญชีทรัพย์สินของ ทั้ง 3 คน คือ พล.ต.อ.สุวัฒน์ , นายจตุพร และ น.ส.ปิติกาญจน์ มีความสอดคล้องสัมพันธ์กันหรือไม่
p