5 กระทรวงจับมือ สร้าง Big Rock 1 ฐานข้อมูลสุขภาพคนไทย ชูนโยบายยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ ก่อนยกระดับ “สำนักงานสุขภาพดิจิทัล” มั่นใจระบบรักษาความปลอดภัย ไม่ให้ถูกแฮก
เมื่อวันที่ 31 ต.ค.64 ที่โรงแรมบัดดี้โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข แถลงข่าวการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 “ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ” 5 กระทรวง ได้แก่ สธ. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน
โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมใจในการควบคุมโรคโควิด 19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมามีส่วนร่วมในการพัฒนาแบบฟอร์มการให้บริการและนวัตกรรมต่าง ๆ พร้อมพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมต่อฐานข้อมูลโควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งระบบการวินิจฉัย การบริหารจัดการเตียง และทรัพยากร ตลอดจนระบบดูแลผู้ป่วยด้วยระบบ Home isolation ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนเตียง ทั้งนี้ดิจิทัลคือหัวใจการใช้ชีวิตนิวนอมอลของประชาชน
‘’การบูรณาการ Big Rock 1 จะนำสู่การสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลกลาง ซึ่งมีความจำเป็นมากในยุคปัจจุบัน และจะมีการยกระดับเป็น “สํานักงานสุขภาพดิจิตอลแห่งชาติ” ให้เร็วที่สุด โดยสำนักงานดังกล่าวจะขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี สำคัญคือต้องมีระบบรักษาความปลอดภัย ไม่ให้ถูกแฮกเอาไปใช้ประโยชน์’’
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่าการจัดทำและขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 “ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ” จะตั้งอยู่บนคลาวด์ของบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับมาตรฐานสากล ISO 27001 และใช้ Fast Healthcare Interoperability Resources (FHIR) จากองค์กร Health Level Seven (HL7) International ซึ่งเป็นมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะทำหน้าที่รับผิดชอบพัฒนาระบบต่างๆ ให้รองรับการใช้งานและมีประสิทธิภาพให้เพิ่มยิ่งๆ ขึ้นไป
ด้าน นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ฐานข้อมูลนายจ้างลูกจ้างยังต้องปรับปรุง ทั้งนโยบาย บริการ การเบิกจ่าย การบูรณาการเชื่อมฐานข้อมูลจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ผู้ใช้แรงงานได้รับความสะดวกในการรักษา ซึ่งปัจจุบันเรามีผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 , 39 ,40 และที่ซื้อประกันหลายสิบล้านคน การรักษาบางครั้งมีความยาก เพราะขาดการเชื่อมต่อข้อมูล การปฏิรูปเชื่อมต่อฐานข้อมูลมีความสำคัญมาก หากดำเนินการตามแผนจนสำเร็จ ข้อมูลเชื่อมโยงสมบูรณ์ ผู้ใช้แรงงานประกันสังคมจะได้รับความสะดวก รักษาข้ามสถานพยาบาล เบิกจ่ายง่ายขึ้น รวมถึงนำมาปรับปรุงบริการสิทธิประโยชน์ได้
ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่ากล่าวว่าความร่วมมือดังกล่าวทำให้มีความหวังว่าสิ้นปี 2565 ประเทศไทยจะมีระบบบริหารจัดการโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งให้คำปรึกษาออนไลน์ จองคิวง่าย จัดการยา วัคซีน และอนาคตจะทำระบบวัคซีนพาสปอร์ต เชื่อมโยงหน่วยงานทั้งไทยและต่างประเทศ และภายใน 5 ปี ประเทศจะมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเชื่อมต่อแบบบูรณาการ.