รัฐสภารับหลักการ พ.ร.บ.ส่งเสริมเรียนรู้ฯ ขณะที่ “วีระกร” อัดศธ.คิดแต่จะเพิ่ม”กรม-ตำแหน่ง” ไม่คิดยกระดับครู เย้ยครูสอนภาษาอังกฤษแต่พูดไม่ได้
วันที่ 9 พ.ย. 64 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ… ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยมีนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวนำเสนอเนื้อหา ทั้งนี้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปด้านการศึกษาที่ให้รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่างๆ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และจัดให้มีความร่วมมือระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในการจัดการศึกษา โดยการสร้างโอกาสให้ผู้อยู่ในวัยเรียนให้เข้าถึงการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้อย่างทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ที่ประชุมรัฐสภาส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน แต่ได้ตั้งข้อสังเกตที่สำคัญ อาทิ ควรกระจายอำนาจทางการศึกษา การเรียนรู้สู่ท้องถิ่นอย่างชัดเจน โดยให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ใช่กำหนดให้กรมส่งเสริมฯส่วนกลาง เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ นอกจากนั้นควรกำหนดให้มีกรรมการระดับจังหวัดเพื่อติดตามคุณภาพการศึกษาการเรียนรู้ระดับต่างๆ นอกจากนั้นควรสร้างหลักประกันคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับการศึกษาแห่งชาติ รวมทั้งเสนอให้กำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนต่อการเทียบโอนผลการเรียนทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ สมรรถนะ จากการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะเงื่อนไขด้านเวลา เช่น 30 – 90 วัน เช่นเดียวกับการนำผลการเรียนรู้เทียบเคียงเพื่อรับรองวุฒิ หรือการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ
ขณะที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการคิดแต่จะสร้างอาณาจักรของตัวเองให้ใหญ่โต อยากถามว่าคุณภาพการศึกษาอยู่ที่ตำแหน่งซีแปด ซีเก้า หรืออยู่ที่การมีกรมเพิ่มใช่หรือไม่ กระทรวงศึกษาธิการมีคำพูดสวยหรู เขียนดูดีที่ใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ถามว่ามีมาตราใดหรือไม่ที่เขียนวิธีการว่าจะทำอย่างไรถึงจะยกระดับครูได้ ไม่ใช่เขียนแต่หลักการสวยหรู ปัจจุบันครูได้เงินเดือน 4-5 หมื่นบาท สอนภาษาอังกฤษ แต่พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ ทำไมไม่ยกระดับครู เด็กจะเรียนรู้ได้หรือไม่อยู่ที่ครูอาจารย์ วันนี้ไม่มีการพูดถึงการยกระดับครู กระทรวงศึกษาธิการไม่เคยคิดยกระดับครู วันๆคิดแต่จะเพิ่มกรม เพิ่มตำแหน่ง
จากนั้นเวลา 15.40 น. ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ด้วยคะแนน 532 ต่อ 38 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 6 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ จำนวน 49 คน และดำเนินการแปรญัตติ 15 วัน และนายชวนได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 16.00 น.
อย่างไรก็ตาม สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว มีทั้งสิ้น 31 มาตรา และมีรายละเอียด อาทิ ให้ยกเลิกพ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.2551 กำหนดให้มีสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้เปลี่ยน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ให้เป็น กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้ทุกจังหวัดนอกจากกทม.จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด เพื่อกำกับ ดูแล และสนับสนุนของเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ และภาคีเครือข่าย ในการส่งเสริมและส่วนร่วมการเรียนรู้ ทั้งนี้ได้กำหนดให้ข้าราชการและบุคลากรของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบฯ โอนย้ายเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และให้เลขาธิการสำนักงานการศึกษานอกระบบฯ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้