”หมออุดม”ชี้ยังไงไทยก็หนี’โอมิครอน’ไม่พ้น รับมีโอกาสผสมเดลต้ากลายพันธุ์เป็นไฮบริด ห่วงฉลองปีใหม่ขอประชาชนเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสในเดือนธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า ในการประชุมศบคใวันนี้ยังไม่มีวาระพิจารณาเรื่องสถานบันเทิงเข้าที่ประชุม และมองว่าการแพร่ระบาดโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนมีความสำคัญมากกว่า ซึ่งองค์การอนามัยโลกหรือ WHO เพิ่งได้มีการแถลงซึ่งมีข้อมูลที่ชัดเจน มีการยืนยันว่ามีการเจ็บป่วยไม่รุนแรง ซึ่งถือเป็นข่าวดี แต่พบว่ามีการแพร่ได้รวดเร็วจากสายพันธุ์เดลต้า 2-5 เท่า อีกทั้งหากดูข้อมูลในประเทศไทยตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ แต่ลดลงแบบช้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจถือว่าประชาชนช่วยกันได้ดี
นพ.อุดม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้อยากให้ดูภาพแตกต่างของประเทศไทยและประเทศฝั่งยุโรปที่มีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนมากกว่าเราแต่ยังมีการติดเชื้อ 3-4 หมื่นคนต่อวัน และสิ่งที่แตกต่าง คือ ไม่ได้เคร่งครัดมาตรการ ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะที่คนไทยสวมใส่หน้ากากอนามัยประมาณ 99% จึงขอเตือนประชาชนว่าอย่าชะล่าใจเพราะการฉีดวัคซีนป้องกันไม่ได้ 100% ทั้งนี้โอมิครอนที่ไม่รุนแรงต้องให้เครดิตการฉีดวัคซีน
นพ.อุดม กล่าวว่า ขณะเดียวกันตนได้ดูข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการฉีดวัคซีนพบว่าการฉีดเข็ม 1 ขาดอีกประมาณ 7 หมื่นคนจะครบ 100 ล้านโดส ขณะที่เข็ม 2 ขาดอีกประมาณ 2-3 ล้านคน จึงอยากประชาสัมพันธ์ในคนที่ลังเลให้รีบไปฉีดเพราะสามารถป้องกันได้ หากไม่คิดถึงตัวเองก็ขอให้คิดถึงคนรอบข้าง เพราะหากติดเชื้อสามารถแพร่ไปหาคนอื่นได้ หากคนที่รับเขื้อเป็นกลุ่มสูงอายุหรือมีโรคประจำตัวอัตราการเสียชีวิตจะสูง ซึ่งคนที่เสียชีวิตขณะนี้ 90% เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวและ 70% ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
นพ.อุดม กล่าวว่า ขณะที่ตอนนี้มีการกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศและยังไม่ได้ฉีด 10 กว่าล้านโดส แบ่งเป็นซิโนแวค 2 ล้านกว่าโดส แอสตราเซเนกาอีกกว่า 6 ล้านโดส ไฟเซอร์อีก 3 ล้านโดส เดิมตั้งเป้าการฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโด๊สในเดือนพ.ย. แต่ไม่ได้เพราะคนลังเลดังนั้นจึงขอกลับไปเป้าเดิมคือฉีดให้ได้ 100 ล้านโด๊สในเดือนธ.ค. เพื่อช่วยกันปกป้องคนรอบข้าง ปกป้องประเทศให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้และปกป้องตัวเองจากโอมิครอนด้วยยังไงเราหนีไม่พ้นแน่นอน ซึ่งในประเทศพบการติดเชื้อแล้ว 8 ราย และประเทศใกล้เคียง เช่นเกาหลีใต้พบการติดเชื้อโอมิครอนในประเทศซึ่งมีการกลายพันธุ์เป็นโอมิครอนได้ ซี่งขณะนี้กระจายไปกว่า 60 ประเทศ
“ประเทศไทยหนีไม่พ้นและต้องเจออย่างแน่นอน และการแพร่กระจายเร็วจะทำให้เข้าอีหรอบเดิมเหมือนปีที่แล้ว เดิมเบต้า เดิมแอลฟ่าประมาณ 80-90% แต่ใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือน เดลต้าเข้ามาถึง 90% ซึ่งจะเหมือนเดิมหากไม่มีความระมัดระวัง โอมิครอนก็จะเข้ามาแทนเดลต้า ซึ่งสิ่งที่ป้องกัน คือ วัคซีน และอีกอย่าง คือ พฤติกรรมของตัวเราเองการสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ” นพ.อุดม กล่าว
นพ.อุดม กล่าวว่า ทั้งนี้มีความกังวลใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่เราอยากให้ไปเที่ยว อยากให้มีงาน แต่ขอให้มีความระมัดระวัง ขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัย พยายามไม่อยู่นานเกิน 2 ชั่วโมง ซึ่งข้อมูลชัดเจนหากอยู่เกิน 2 ชั่วโมงจะเกิดการแพร่เชื้อคนใกล้เคียงสูงมาก ส่วนการผสมกันเป็นไฮบริดระหว่างเดลต้ากับโอมิครอนเป็นไปได้หรือไม่นั้นมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอนการจะกลายพันธุ์ได้ต้องมีการกระจายแพร่เชื้อไปและยิ่งมีการแพร่เชื้อมากจะมีโอกาสกลายพันธุ์หากมีการตัดขั้นตอนไม่ให้มีการแพร่กระจายโอกาสกลายพันธุ์จะลดลง ซึ่งเป็นหลักการทางการแพทย์ หากเราช่วยกันในส่วนนี้ ในส่วนของมาตรการสาธารณสุขจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการกลายพันธุ์