อนุฯ บริหารวัคซีน ชงพิจารณาฉีดวัคซีนเข็ม 4 บุคลากรการแพทย์ พร้อมลุยฉีดวัคซีนเข็ม 3 ปชช. เป้าหมาย 30 ล้านโดสในเดือน มี.ค.65 เผยผลข้างเคียงจากวัคซีน เสียชีวิต 2 ราย แพ้ช็อค 1 ราย แพ้รุนแรง รวม 26 ราย
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.64 นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เปิดเผยผลการประชุมที่คณะอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีน มีมติเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็ม 3 และเข็ม 1 ในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนปี2565 เป้าหมายครอบคลุมที่ 80%
โดยกำหนดการรับบู๊สเตอร์โดสเข็ม 3 ดังนี้ คนที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ให้เว้น 3 เดือน และฉีดบู๊สเตอร์ด้วย วัคซีน mRNA คนที่ฉีดเข็ม 1 เป็นซิโนแวค เข็ม 2 เป็น แอสตร้าฯ ให้เว้น 3 เดือนแล้วฉีดเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าฯ ส่วนคนที่ฉีดเชื้อราย 2 เข็ม ให้กระตุ้นด้วยวัคซีนแอสตร้าฯ โดยเข็ม 3 ห่างจากเข็ม 2 ระยะเวลา 1 เดือน ขณะที่ผู้ติดเชื้อแล้วให้ฉีดกระตุ้นด้วยแอสตร้า สำหรับกลุ่มพิเศษ เช่น ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ ควรได้เข็ม 3 ห่างจากเข็ม 2 ในเวลา 1 เดือน ตามแนวทางของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
“การฉีดวัคซีนครบ (Complete vaccination) ต้องมีปูพื้น 2 เข็ม และบู๊สเตอร์โดส 1 เข็ม ดังนั้นต้องเร่งรัดให้ได้ครบ 3 เข็ม เร็วที่สุดในเดือนก.พ. หรือ มี.ค. เป้าหมาย 30 ล้านโดส จึงต้องเร่งสื่อสารประโยชน์ของวัคซีน3เข็มให้ประชาชนได้รับทราบ” นพ.โสภณ กล่าว
ส่วนการฉีดวัคซีนเข็มที่4 ในบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข จะมีการประชุมอนุกรรมการสร้างเสริมในวันที่ 22 ธ.ค. นี้ เนื่องจากมีข้อมูลการศึกษาของรพ.ศิริราช พบว่าในคนที่ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป 16-20 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกัน IgG ตกลงมาก เช่น ไฟเซอรภูมิฯ ลดลงจาก 5,000 เหลือ 700 หรือคนที่กระตุ้นด้วย แอสตร้าฯ ลดเหลือ 300 เบื้องต้นจึงควรได้รับการฉีดกระตุ้น เพราะการป้องกันเชื้อโอไมครอนต้องการภูมิที่สูงกว่านี้
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้รมีการรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีน พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเส้นเลือดอุดตัน 2 ราย แพ้ช็อค 1 ราย แพ้รุนแรง TEN 1 ราย Myocarditis /Pericarditis. 25 ราย ส่วนใหญ่จาก m RNA ทั้งนี้มีการจ่ายชดเชยค่าฉีดวัคซีนแล้ว 40 ล้านโด้ส ขณะนี้ได้รับงบประมาณมาแล้ว จะทยอยจ่ายต่อไป.