กรมวิทย์ฯ เผยตัวเลขติดเชื้อโอมิครอนสูงขึ้นติดเชื้อ 205 ราย เป็นคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศ 25 ราย คลัสเตอร์กาฬสินธ์ใหญ่สุด พบในกลุ่ม นทท. 53%
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 64 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์โคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย ว่า สถานการณ์ในประเทศไทยล่าสุดจากการตรวจคนเดินทางมาจากต่างประเทศ และการสุ่มตรวจสายพันธุ์ในประเทศรอบ นี้ไม่เจอเชื้ออัลฟ่า และเบตา แต่พบสายพันธุ์เดลต้า และ 732 ราย โอมิครอน 142 ราย บวกกับของเดิมที่รายงานไปก่อนหน้านี้คือ 63 ราย เท่ากับขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศไทยแล้ว 205 ราย ถ้าดูภาพรวมภายในประเทศเกือบพันตัวอย่าง จะพบว่าเป็นการติดเชื้อโอมิครอน ประมาณ 16% กรุงเทพฯ อยู่ที่ 40% ภูมิภาค 8% ทั้งนี้สาเหตุที่กทม.มีจำนวนมากเพราะสถานบริการที่ส่งตัวอย่างมาจากที่กรุงเทพฯ
แต่เมื่อแยกคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศและกลุ่มอื่นที่อยู่ในประเทศ ซึ่งจากเดิมที่เรารายงานเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่าพบโอมิครอน 1 ใน 4 ของผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ขณะนี้พบได้ 53% ในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเริ่มพบคนที่อยู่ภายในประเทศจำนวนหนึ่งประมาณ 3.8% จะเห็นว่าภาพรวมในทุกกลุ่มนี้กราฟชันขึ้น นั่นหมายความว่าในช่วงเวลาเดียวกันมีการติดเชื้อค่อนข้างเร็ว ซึ่งเป็นหลักการของโรคติดต่ออยู่แล้วว่าจะมีการแพร่กระจายได้เร็วขึ้นในระยะเวลาถัดไป
สำหรับในจำนวนผู้ติดเชื้อ โอมิครอน 205 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 180 ราย คนไทยที่ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ 25 ราย โดยยังเป็นการติดเชื้อที่มีความสัมพันธ์กับผู้เดินทางมาจากผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศในจำนวนนี้มีคลัสตเตอร์ใหญ่ที่สุดคือสองสามีภรรยาที่กาฬสินธุ์ขณะนี้ตรวจพบการติดเชื้ออีก 20 ราย รวมสองสามีภรรยา ก็เป็น 22 ราย ในจำนวนนี้มี 5 รายที่ตัวอย่างไม่สมบูรณ์อยู่ระหว่างการเก็บสิ่งส่งตรวจใหม่ ส่วนคลัตเตอร์อื่นอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคคือคลัสเตอร์ 3 ราย จากผู้แสวงบุญ มีแม่บ้านในโรงแรมแห่งหนึ่งจำนวน 1 รายและอีก 1 รายคือภรรยาของนักบินที่ได้มีการรายงานไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามย้ำว่ายังไม่มีการติดเชื้อโอมิครอนคตั้งต้นในประเทศไทย
นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการแพร่เชื้อจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และมีคลัสเตอร์ที่ติดกันเหมือนกรณีกาฬสินธุ์เพิ่มเติมได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเชื้อมีการแพร่ระบาดเร็ว เพราะฉะนั้นมาตรการต่างๆ อยากให้ช่วยกันเพื่อลดความเสี่ยง เราต้องช่วยกันเพื่อยันการติดเชื้อระดับน้อยออกไปให้ได้นานที่สุด แต่สุดท้ายมันก็จะเกิดการแพร่ในประเทศได้ แต่และจากหลักฐานเชิงประจักษ์เชื้อโอมิครอนไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่ จึงไม่น่าจะต้องวิตกกังวลมากนัก แต่ขอให้ช่วยมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ