“ทนายษิทรา” ฟันธง “แตงโม” ไม่ได้ตกจากท้ายเรือ ส่วนแผลน่าจะเกิดจากฟินใต้เรือ ชี้ “แซน”อาจโดนดำเนินคดีอีกราย “ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย“
จากกรณี “แตงโม” นิดา หรือ ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ดารานักแสดงชื่อดัง พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากเจ้าหน้าที่และฝ่ายงานเกี่ยวข้องระดมออกค้นหาจนเจอศพ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การตาย โดยชาวโลกออนไลน์สงสัยถึงการเสียชีวิตในครั้งนี้
เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ุ65 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ผมคิดว่าไม่น่าใช่ใบพัดที่ทำให้เกิดแผลที่ขาแตงโม แต่คิดว่าคือฟิน (ตามลูกศรสีแดง) ที่ทำให้เกิดบาดแผลใหญ่ที่ต้นขาแตงโม จนทำให้แตงโมเสียเลือดมากและอาจหมดสติได้ เอฟซีมีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ
พร้อมกับให้สัมภาษณ์ ภายหลังจากเดินทางไปที่ อู่ต่อเรือ NBC BOAT CLUB จ.นนทบุรี เพื่อตรวจสอบกายภาพของตัวเรือลำที่เกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยบางอย่าง คดี แตงโม ว่า หากแผลดังกล่าวเกิดจากฟินใต้ใบพัดเรือจริง ก็จะทำให้เชื่อได้ว่าแตงโมไม่ได้ตกจากด้านท้ายเรือ เพราะถ้าตกจากด้านท้ายเรือ ด้วยความเร็วของเรือที่ขับ กระแสน้ำที่ไหลผ่านจากหัวเรือมาด้านหลัง ตัวของ แตงโม จะไม่ถูกดูดกลับมาที่ใต้ท้องเรือแน่นอน จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นการตกจากด้านข้างหรือด้านหน้ามากกว่าหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อยากให้นักวิทยาศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือความน่าจะเป็นในจุดนี้อีกครั้งว่าทำไมถึงตกลงไปได้ รวมถึงอยากให้มีการเก็บฟินใต้ใบพัดเรือไปตรวจสอบเก็บหลักฐานร่องรอยต่าง ๆ โดยเฉพาะดีเอ็นเอ
“ในมุมฐานะทนายความนักกฎหมาย นับแต่วินาทีแรกเลยมี 2 คน ที่จะโดนข้อกล่าวหา “ประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” แต่พอมาถึงวันนี้อาจมีบุคคลที่ 3 ที่อาจต้องโดนข้อกล่าวหาประมาทร่วมด้วย ถ้าเกิดว่าข้อสงสัยที่ผมคิด มีความเป็นไปได้ ที่ไม่ได้เกิดจากการพลัดตกจากด้านหลังเรือ แล้วจะตกจากส่วนไหนได้บ้าง ระบุเลยว่ามีความเป็นไปได้ คนต่อไปที่เป็นผู้ใกล้ชิดแตงโม คือ “แซน” อาจมีความสุ่มเสี่ยง คือบุคคลที่ 3 แต่ไม่ฟันธง เพราะต้องขึ้นอยู่กับทางพนักงานสอบสวน เพียงแค่พูดตามหลักนักกฎหมายตามที่พี่สื่อถามกัน ที่ผ่านมาพี่นักข่าวและชาวเน็ตช่วยกันดู ทำให้พบข้อสงสัยและมีความเป็นไปได้ทุกรูปแบบ โดยส่วนตัวมองว่า อาจจะเป็นอุบัติเหตุก็เป็นได้ หลังจากวันนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องจะต้องพิสูจน์ให้ทางสังคมทราบจะดีกว่า”ทนายษิทรา กล่าว