“แรมโบ้” -“บิ๊กโจ๊ก” ถกแก้สลากแพง จ่อให้โควต้าอำเภอละ 25 เล่ม ผ่านแอปถุงเงิน ยัน 2 เดือนเห็นผลชัด ชงตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ ไล่เช็คทุกพื้นที่ จับได้ขายเกิน 80บ.ตัดสิทธิ์ทันที
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด ที่อาคารสำนักงาน กพ. (เดิม) นัดแรก โดยมี พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานอนุกรรมการ ผู้แทนจากอัยการสูงสุด เข้าร่วมด้วย
นายเสกสกล ย้ำในที่ประชุมว่า นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการทำงานของคณะกรรมการชุดใหญ่ และ 3 คณะอนุกรรมการฯ ที่จะขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสลากเกินราคา โดยต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมถึงขายเกินราคา และขอให้ทำให้สำเร็จเพื่อเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาล เนื่องจาก ปัญหาดังกล่าวสะสมมาหลายรัฐบาลแล้ว และต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด พร้อมระบุด้วยว่า หากมีใครนำชื่อตน หรือคนในอนุกรรมการไปแอบอ้าง ขอให้แจ้งมาเพื่อดำเนินคดีทันที
”ยืนยันว่าอนุกรรมการไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆ ตนทำตามบัญชานายกฯ ให้เป็นผลสำเร็จ เป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันจะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือตั้งคณะกรรมการขึ้นมา พร้อมฝากพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ช่วยพิจารณา อยากให้มีชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อไปจัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ดังนั้น คณะทำงาน จึงต้องเร่งรัดการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ 2 เดือน เพื่อสรุปสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ได้ผลในทางปฏิบัติให้ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 วันนี้จึงได้วางกรอบการทำงานให้เป็นรูปธรรม บริหารจัดการอย่างมืออาชีพ”
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาคือ ตัวแทนที่จะขายแต่ละอำเภอ จะได้โควต้าคนละ 25 เล่ม โดยขายให้ทุกอำเภอ ผ่านระบบลงทะเบียนแอปถุงเงิน และ QR Code ซึ่งใครจะซื้อต้องแจ้งผ่าน QR code ในราคา 80 บาท เท่ากับแต่ละอำเภอจะมีการขายสลากประมาณ 20,000 ใบ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างแน่นอน ถ้าใครขายเกินราคายกเลิกสัญญาทันที เสียสิทธิ์ทันที
ส่วนการซื้อจองล่วงหน้าเป็นระบบเสรีจากการลงทะเบียนขณะนี้มียอดประมาณ 100,000 คน และกำลังให้สมัครเพิ่มเติม ใครขายก็จะมีระบบตรวจสอบ ถ้ามีการขายช่วงต่อ จะถูกตัดสิทธิ์เช่นกัน และหากไปรับสลากที่ไปรษณีย์ ห้ามมอบอำนาจให้ใครไปรับแทน ยกเว้นมีเหตุจำเป็นต้องมีใบมอบอำนาจที่มีเหตุผลชัดเจน และการขายลักษณะนี้ก็จะมีการตรวจสอบ และแจ้งเข้ามาในระบบ QR Code ซึ่งมาตรการนี้คิดว่าควบคุมได้ แต่ยังเป็นเพียงข้อเสนอซึ่งต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่
ขณะที่การขายในระบบแพลตฟอร์ม ให้ซื้อตรงที่สำนักงานสลากฯ หรือผ่านทางฟอร์มของตัวเองผ่านมือถือ ซึ่งจะควบคุมง่าย ไม่สามารถซื้อเกิน 80 บาทได้ นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่นๆ อีกหลายแนวทาง แต่คิดว่ามาตรการเหล่านี้น่าจะพอไปได้ และในระยะยาวต้องมีการแก้กฎหมายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้มีบทลงโทษที่รุนแรง ดำเนินคดีทางอาญาและแพ่ง ทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงกฎหมาย ป.ป.ง. เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งวันที่ 18 มี.ค. 65 จะประชุมอีกรอบ และทำข้อสรุปให้ตกผลึก เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมชุดใหญ่ต่อไป
“ขอย้ำว่าให้หยุดเอาเปรียบประชาชน ช่วยกันควบคุมราคาให้อยู่ใน 80 บาท ถ้าใครขายเกินราคาโดยเฉพาะนายทุนใหญ่ ตำรวจเจอจุดไหนจะปฏิบัติการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทันที ไม่ละเว้นใครไว้ทั้งสิ้น เพราะรัฐบาลต้องการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน และนายกฯ กำชับว่าต้องทำให้สำเร็จ”
นายเสกสกล ยืนยันว่า ขณะนี้รายใหญ่ไม่มีแล้ว 5 เสือไม่มีแล้ว ทุกวันนี้กองสลากกระจายไปคนละ 5 เล่มทั่วประเทศ ที่เหลือเป็นผู้พิการ มูลนิธิต่างๆ ซึ่งระบบซื้อจองที่กระจายคนละ 5 เล่ม ต้องไปขาย 80 บาท อย่าขายช่วงต่อ เพราะจะทำให้เกิดการขายเกินราคา และจากนี้จะมีการตรวจสอบว่าคุณเอาไปขายจริงหรือไม่ ถ้าได้โควต้าไปแล้วแต่ไปขายต่อ จะมีมาตรการยึดคืน ทุกคนต้องมีวินัย ไม่เช่นนั้นจะเสียโอกาส เสียรายได้ของตัวเอง
ทั้งนี้ ปัญหาสลากขายแพงเกิดจาก กฎหมายกองสลากหย่อนยาน ไม่เข้มงวด ต้องแก้ไข มาตรการปล่อยสลากออกไปแล้วไม่มีการกำหนดกรอบควบคุมที่ชัดเจน ว่าเอาไปขายต่อที่ไหนอย่างไร ถ้ามีการควบคุม ตรวจสอบและรายงานมาด้วยระบบ QR Code ซึ่งถ้าใครไม่แจ้งก็เท่ากับไม่ปฏิบัติตาม จะเสียสิทธิ์ จากนี้จะเริ่มใช้มาตรการ ขอให้เชื่อมั่นว่าคณะกรรมการในยุคของพลเอก ประยุทธ์ จะแก้ปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล มาอยู่ที่ราคา 80 บาท ได้อย่างแน่นอน.