“เทพไท” เสนอรัฐเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบถ้วนหน้า ย้ำโครงการเริ่มสมัย “ชวน” เตือนคนไทยอย่าลืม “ได้กินนำ้ในบ่อ อย่าลืมคนขุดบ่อ”
วันที่ 27 เม.ย.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ในการประชุมครม. ซึ่งที่ประชุมได้มีมติตามที่ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ฐมนตรพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอายุ ระยะเวลา 6 เดือน แบบขั้นบันไดดังนี้
1.อายุ 60-69 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 600 บาท เพิ่มเติม 100 บาท เป็น 700 บาท
2.อายุ 70-79 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 700 บาท เพิ่มเติม 150 บาท เป็น 850 บาท
3.อายุ 80-89 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 800 บาท เพิ่มเติม 200 บาท เป็น 1,000 บาท
4.อายุ 90 ปีขึ้นไป รับเบี้ยยังชีพจำนวน 1,000 บาท เพิ่มเติม 250 บาท เป็น 1,250 บาท
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นสิ่งที่ดี เพราะโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ยุครัฐบาลของนายชวน หลีกภัย ที่มีการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ให้แก่คนอายุ 60 ปีขึ้นไป หมู่บ้านละ 5 คนๆละ 200 บาท และได้ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล แต่ก็ไม่มีการเพิ่มจำนวนเงินและจำนวนคนแต่อย่างใด จนถึงยุคของรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เพิ่มจำนวนเงินเป็น 500 บาทต่อคนขึ้นมา และในยุคของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ปรับปรุงโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้สิทธิ์แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคนละ 500 บาท หลังจากนั้นรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ไม่กล้ายกเลิกโครงการดังกล่าว มีเพียงต่อยอดเพิ่มเงินค่าเบี้ยผู้สูงอายุเป็นขั้นบันได จนถึงรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการเพิ่มเบี้ยยังชีพในครั้งนี้ เป็นระยะเวลา 6 เดือนแบบขั้นบันได
นายเทพไท กล่าวอีกว่า เห็นว่ารัฐบาลควรเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบไม่กำหนดระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น และควรจะเพิ่มเงินเบี้ยผู้สูงอายุในจำนวนเท่ากันทุกคน เพราะการที่ผู้สูงอายุมีอายุแตกต่างกัน ก็ไม่ได้หมายความว่า ความต้องการหรือความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินแตกต่างกัน ที่ได้หยิบยกเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขึ้นมา เพื่อเตือนความทรงจำของคนไทยและผู้สูงอายุ ได้รับทราบว่า โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีเจตนาที่จะช่วยเหลือเป็นสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุ ที่ทำงานช่วยเหลือชาติบ้านเมืองมาตลอดชีวิต จึงอยากจะเตือนสติว่า “เมื่อได้กินน้ำในบ่อ ก็อย่าลืมคนขุดบ่อ” ก็แล้วกัน
