วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“ไพศาล”ชี้พระศาสนาเน่าเละ จี้นายกฯเร่งจัดการ เพราะมีอำนาจตามกฎหมาย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ไพศาล”ชี้พระศาสนาเน่าเละ จี้นายกฯเร่งจัดการ เพราะมีอำนาจตามกฎหมาย

“ไพศาล” ชี้พระศาสนาเน่าเละ จี้นายกฯเร่งจัดการ เพราะมีอำนาจตามกฎหมาย กระทุ้งสำนักพระพุทธฯรีบจัดทำบัญชีรับจ่ยา-งบดุลของวัดทุกวันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

วันที่ 5 พ.ค.65 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎกมายอิสระ โพสต์เฟสบุคระบุว่า การพระศาสนาเน่าเละ ใครกำกับสั่งราชการ จงแสดงความรับผิดชอบได้แล้ว!!!

1.ปัจจุบันนี้ ข่าวคราวเกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนามีแต่เรื่องเน่าเฟะ สร้างความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา และความสะเทือนใจแก่ชาวพุทธไม่หยุดไม่หย่อน

แต่คนรับผิดชอบกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่สอดส่องดูแลแก้ไข ปล่อยให้เป็นไปถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

ถ้ารู้จักอายอยู่บ้างก็ลาออกเสียเถอะ!!!

2.ทรัพย์สินของวัด กับทรัพย์สินส่วนตัวของพระ ถึงวันนี้ก็ยังเละเทะ ไม่มีการกำกับดูแลให้วัด และคณะไวยาวัจกร จัดทำบัญชีของวัดให้เรียบร้อย ทั้งบัญชีรับ-จ่าย และบัญชีงบดุล จึงมีปัญหาฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์สินของวัดให้เห็นกันเป็นประจำ และมีขนาดความเสียหายเป็นร้อย ๆ ล้านบาท และที่ไม่ปรากฎเป็นข่าวก็สุดจะคณานับ

สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะต้องรีบจัดให้มีการจัดทำบัญชีรับจ่าย และบัญชีงบดุลของวัดทุกวันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ให้ไปดูแบบอย่างการจัดทำบัญชีของวัดสร้อยทองซึ่งผมเคยช่วยจัดทำไว้อย่างเรียบร้อยหลายปีมาแล้วก็ได้ จึงไม่มีปัญหาใด ๆ แม้ว่าวัดจะมีรายได้มากก็ตาม

3.การแต่งตั้งพระสังฆาธิการ ที่ตกทอดมาจากก่อนการแก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์ล่าสุดยังคงส่งผลเน่าเฟะ และเกิดความเสียหายมากมาย จะต้องรีบปรับชำระอธิกรณ์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพระสังฆาธิการ หรือเจ้าอาวาสเหล่านั้นกันใหม่ครั้งใหญ่

4.เรื่องล่าสุดที่ฉาวโฉ่อยู่ในขณะนี้ สรุปได้ว่า 1.สมี ล่วงละเมิดพระวินัย ถึงขั้นปาราชิก เป็นอันขาดจากความเป็นภิกษุตั้งแต่วันที่ปาราชิกนั้น และไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้อีกแล้ว ใครเป็นพระอุปฌาย์ต้องเข้มงวดอย่าให้ผู้ขาดคุณสมบัติเข้ามาบวชได้อีก ซึ่งรวมถึงพวกขาดคุณสมบัติความเป็นมนุษย์ หรือความเป็นบุรุษด้วย!!!

(มนุสโสสิ ~ ปุริโสสิ) 2.นอกจากเป็นปาราชิกแล้วในฐานะรักษาการเจ้าอาวาส มีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เมื่อครอบครองดูแลทรัพย์สินของวัด แล้วเอาไปใช้สอยส่วนตัวในทางที่มิชอบ ย่อมมีความผิดอย่างน้อย 2 สถานตามกฎหมายอาญา คือ ยักยอกทรัพย์ และจัดการทรัพย์สินของวัดโดยทุจริตหลายกรรมหลายวาระ ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษเรียงกันตามความผิด ก็จะติดคุกหัวโต เจ้าคณะฯ จะต้องดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ และต้องเรียกเอาทรัพย์สินของวัดคืน และต้องดำเนินคดีด้วย 3.เจ้าตัวพูดเองว่า อ่อนพรรษา อ่อนธรรมวินัย แล้วไฉน จึงได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าอาวาส

ส่อว่าการแต่งตั้งนั้นอาจมีปัญหาไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง ซึ่งผู้แต่งตั้งนั้นอาจต้องถูกตรวจสอบ ชำระอธิกรณ์ให้ชัดเจน และเมื่อเกิดเหตุแล้ว ก็เนื่องจากมีพระไปร้อง แทนที่จะตรวจสอบว่าที่มาร้องนั้นเป็นจริงหรือไม่ กลับปกป้องคนผิด ไล่พระผู้ร้องออกจากวัด ส่อว่ามีความสัมพันธ์พิเศษกีบสมีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งอาจล่วงธรรมวินัย และอาจล่วงกฎหมายของบ้านเมืองด้วยก็ได้ ควรจะชำระอธิกรณ์เสียให้สิ้นกระแสความ!!!

5.ผู้รับผิดชอบสั่งการเรื่องนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ และดูแลเรื่องนี้มานานมาก คือผู้รับผิดชอบโดยตรง โดยกฎหมาย และระเบียบราชการ จึงต้องแสดงความรับผิดชอบ หรือต้องมีผู้เรียกร้องให้รับผิดชอบ

โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่จะต้องจัดการแก้ไขเรื่องนี้ รวมทั้งจัดการให้พวกที่ไม่รับผิดชอบให้ออกจากหน้าที่ไปเสีย

ก็ต้องบอกว่านับแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และมีการชำระอธิกรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 1 แล้วก็มาสมัยนี้แหละที่มีความเสียหายสะเทือนใจชาวพุทธมากที่สุด แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีหน้าไหนแสดงความรับผิดชอบเลยแม้แต่คนเดียว!!!

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img