“ชวน” แซวพระขึ้นหน้าหนึ่งทุกวัน แนะพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งหน้าที่อย่าดูดายในเรื่องที่เกิดขึ้น ยกพระศรีลังกาไม่มีข้าวกิน เสนอทีวีสภาฯเผยแพร่ข้อมูลวิทยาศาสตร์ให้ความรู้ ทั้งข่าวพระบิดา-กล้วยประหลาด-ตะเคียนทอง
วันที่ 11 พ.ค.65 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้อนรับประธานกรรมการ
ฝ่ายประสานงานนายกสมาคมครูปริยัติสามัญภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีทั้งพระสงฆ์ และฆราวาส เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงานรัฐสภา บทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ พร้อมขอติดตามความคืบหน้าการร่างอนุบัญญัติบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม ตามที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นขวัญกำลังกำลังใจบุคลากรพระปริยัติธรรมต่อไป
โดยนายชวน กล่าวตอนหนึ่งว่า จากที่ทราบว่าทางคณะฯจะมาขอเยี่ยมชมรัฐสภานั้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงต้องมีมาตรการป้องกันตามข้อปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข จึงยังไม่สามารถให้เข้าเยี่ยมชมได้ แต่ได้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ไว้รองรับแล้ว หากวันใดสถานการณ์ดีขึ้นสามารถถอดหน้ากากได้ก็จะเปิดให้เข้ามาเยี่ยมชมรัฐสภา เพราะแม้แต่ส.ส.เวลานี้ก็ได้ขอให้งดเดินทางศึกษาดูงานต่างประเทศเช่นกัน
นายชวน ยังกล่าวถึงสถานการณ์ทางศาสนาซึ่งมีสองประเทศที่มีความเป็นเมืองพุทธ คือไทยกับศรีลังกาซึ่งศรีลังกาเวลานี้ไม่มีอาหารกิน เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วสภาฯจึงได้รวบรวมจำนวนเงินก้อนหนึ่งเพื่อมอบให้เอกอัครราชทูตศรีลังกา แต่ในขณะที่ชาวพุทธในไทยกลับมีข่าวเกี่ยกับพระขึ้นหน้าหนึ่งทุกวัน แต่ไม่ได้มีเรื่องขาดแคลนอาหารของกินของใช้ ศรีลังกาเวลานี้พระและชาวบ้านต่างมีปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่นายกรัฐมนตรีศรีลังกาก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพราะความขัดแย้งด้านความหิวโหย เราในฐานะเมืองพุทธแต่พระไม่ถึงขั้นอดอยากหรือชาวบ้านไม่มีจะกิน น้ำมันไม่มี มีเพียงของแพง ดังนั้นเราก็ต้องแบ่งปันเพราะศรีลังกาทั้งคนและพระไม่มีอาหารกินมากกว่าเรา
นายชวน กล่าวต่อว่า ในเรื่องความเชื่อที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เช่น ข่าวพระบิดา ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ให้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาได้ให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องแก่ประชาชน เช่น กล้วยออกหัวปลีประหลาดหลายหัวไม่ใช่เรื่องที่จะไปจุดธูปขอเลข รวมไปถึงการแห่ขอเลขต้นตะเคียนทองที่จมน้ำมีอายุ100กว่าปี ซึ่งจริงๆแล้วไม้ตะเคียนทองเป็นไม้เนื้อแข็งสามารถอยู่ในน้ำได้นานอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ไปบั่นทอนความเชื่อหรือพิธีกรรมของคน เพราะไม่สามารถไปกล่าวหาใครได้ แต่เราทำได้คือให้ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งหน้าที่อย่างสังฆาธิการขออย่าดูดายในเรื่องที่เกิดขึ้น