สธ.เผยต่างชาติเข้าไทยวันละหลายหมื่น แต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อยังไม่ติดเชื้อในไทย ย้ำยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน แต่ไม่ประมาท ประสานซื้อวัคซีน
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.65 ที่สถาบันบำราศนราดูร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคฝีดาษในประเทศไทย ว่า กรมควบคุมโรคได้ติดตาม เฝ้าระวังอยู่ตลอด ก็หวังว่าทุกคนน่าจะดูแลตัวเองได้ ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือไปอยู่ในจุดเสี่ยง ส่วนกรณีงาน Pride ที่สีลมนั้น คนที่ร่วมงานก็ต้องเฝ้าระวังตามวิธีปฏิบัติตน ส่วนทางสธ.ก็ต้องเฝ้าระวังเช่นกัน ทั้งนี้กระทรวงฯ ก็บอกไปยังสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานถึงวิธีการปฏิบัติตัว และมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมาตลอด ทั้งนี้ ฝีดาษลิงดูเป็นโรคที่น่ากลัว แต่อัตราการเสียชีวิตไม่เหมือนกับไข้เลือดออก หรือโรคโควิด – 19 แต่ฝีดาษลิงแสดงออกให้เห็นชัดว่าน่ากลัว จึงต้องระวัง ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากการสัมผัส ดังนั้นการเดินทางของผู้คนจำนวนมากก็มีโอกาสที่ประเทศไทยจะเจอผู้ติดเชื้อได้ สิ่งที่เราต้องเตรียมคือเวชภัณฑ์ ยา การรักษา
นพ.โอภาส การกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลกมีการประเมินความเสี่ยงโรคฝีดาษวานรยังมไม่ถือเป็นโรคฉุกเฉิน หรือโรคอันตราย แต่ให้เป็นโรคเฝ้าระวัง โดยขณะนี้ มีการกระจายไป 43 ประเทศ มีผู้ติดเชื้อแล้ว 920 ราย โดยสายพันธุ์ที่มีการระบาดของ West African clade ซึ่งไม่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่ได้ระบาดรุนแรง เพราะถ้าเทียบกับโรคโควิด – 19 ช่วงระยะเวลาเท่ากันมีผู้ติดเชื้อกว่า 10 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต สำหรับข้อสันนิษฐานว่าเป็นการติดทางเพศสัมพันธ์นั้นยังไม่มีการยืนยัน ส่วนใหญ่เป็นการติดจากการสัมผัสใกล้ชิด ระบะฟังตัว 5-21 วัน โดยจะมีไข้ ในช่วง 0-5 วันที่ติดเชื้อ หลังมีไข้แล้วราวๆ 3 วันจะมีการออกผื่นหลายลักษณะ อย่างไรก็ตามการดูเพียงตุ่มยังบอกไม่ได้ว่าเป็นโรคฝีดาษลิง ต้องมีการตรวจวินิจฉัย
ทั้งนี้การรักษายังไม่มียาต้านไวรัสโดยเฉพาะ วัคซีนที่ใช้ได้มีเพียงวัคซีนฝีดาษคน แต่มีผู้เริ่มทำการศึกษาวิจัยวัคซีนฝีดาษลิงโดยเฉพาะแล้ว คาดว่าจะรู้ผล และนำมาใช้เร็ว ๆ นี้ ไทยเองก็มีการติดตามและประสานอยู่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีวัคซีนฝีดาษคนอยู่ในคลังขององค์การเภสัชกรรมอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบแล้วว่ายังมีชีวิตต้องมาพิจารณาว่าจะใช้อย่างไร รวมถึงประสานไปยังองค์การอนามัยโลกซึ่งมีสต็อควัคซีนอยู่จำนวนหนึ่งด้วย แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีน แต่เราไม่ได้ประมาท มีการประสานเตรียมความพร้อมเอาไว้
“ตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่เราไม่ได้ประมาท ซึ่งนายอนุทิน สั่งการให้จัดระบบเฝ้าระวัง ซึ่งดำเนินการแล้ว มีการตั้งจุดคัดกรองคนเข้าประเทศที่ด่านสนามบิน มีการเตรียมห้องปฏิบัติการ ระบบสอบสวนโรค รวมถึงเตรียมหาวัคซีนหากจำเป็นต้องใช้” นพ.โอภาส กล่าว และว่า ปัจจุบันมีชาวต่างชาติ เข้ามายังประเทศไทยวันละหลายหมื่นคน รวมถึงผู้เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงด้วย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ทั้งนี้ แม้เรามีโอกาสพบผู้ป่วยได้ เนื่องจากการเปิดประเทศ แต่เชื่อว่าความร่วมมือในการคัดกรอง ตรวจจับ เฝ้าระวัง และความร่วมมือที่ดีของประชาชน จะสามารถควบคุมได้.
