“นายกฯ” สั่งก.พาณิชย์ควบคุมราคา “หน้ากากอนามัย” ต้องไม่แพง-หาซื้อง่าย และกระจายออกไปให้ปชช.อย่างทั่วถึง ลั่นจะใช้กม.เข้มงวด เอาจริงเอาจัง คนทำผิด พร้อมขอให้ปชช. “ตื่นตัว แต่ไม่ตระหนก-ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก” และควรสแกน “ไทยชนะ” ทุกครั้ง
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในประเทศว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ ให้เข้มงวดเรื่องการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย โดยประชาชนควรหาซื้อได้ง่าย ในราคาที่ไม่แพง ทั้งนี้ได้ให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคา รวมทั้งดูแลเรื่องการกระจายหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึง และให้ใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจังเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน และลงโทษคนที่ทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด
“นายกฯขอให้ประชาชนปฎิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่ป่วยสามารถสวมใส่หน้ากากผ้าได้ เพียงแต่ใช้แล้ว 1 วันต้องซัก จึงควรมีหน้ากากผ้าสลับสับเปลี่ยน และสิ่งที่สำคัญสำหรับคนไม่ป่วยคือ การล้างมือบ่อยๆ เพราะเชื้อจะติดได้นั้น หลักๆ คือ การสัมผัส ดังนั้นการล้างมือจะช่วยได้ ไม่ว่าจะล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล และข้อสำคัญสุดท้ายคือการรักษาระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด”นายอนุชากล่าว
อีกด้านหนึ่ง เพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ซึ่งเป็นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ข้อความระบุว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้เป็น “การระบาดใหม่” ที่เราไม่พึงปรารถนา จะต้องตัดวงจรการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็ว ซึ่งเรามีประสบการณ์ในการรับมือมาแล้ว ด้วยความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุข และความร่วมมือของทุกๆ คน
ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารจากทางราชการ และ ศบค. อย่างต่อเนื่อง อย่าส่งต่อข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ก่อนทุกครั้ง และขอให้ “ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก” ปฏิบัติตามมาตรการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างระหว่างกัน และที่สำคัญคือ สแกน “ไทยชนะ” ทุกครั้ง เพื่อการสอบสวนและติดตามหากจำเป็น
ปัจจุบัน การค้นหาตรวจเชื้อเชิงรุก จะขยายวงไปทุกเคส ทุกจังหวัด ที่มีความเชื่อมโยงกับตลาดกลางกุ้ง จว.สมุทรสาคร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน
ความสำเร็จในการควบคุมการระบาดในครั้งนี้ นอกจากการทำงานอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ สธ. และฝ่ายความมั่นคงแล้ว ความร่วมมือของทุกคนที่ต้อง “ตื่นตัว แต่ไม่ตระหนก” จะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สำหรับผู้ที่มีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง หากสงสัยไม่แน่ใจ ขอให้อยู่บ้านเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และลดกิจกรรมทางสังคม หากมีข้อสงสัยให้รีบติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมงครับ”
