“อนุทิน” ปลื้มองค์การอนามัยโลก ประเมินไทยสูง เป็นต้นแบบการควบคุมโรค ย้ำคนไทยใช้ชีวิตปกติแล้ว ไม่ต้องประกาศวันเวลาเข้าโรคประจำถิ่น เชื่อโควิดคลี่คลาย ไทยเนื้อหอมคนแห่เที่ยว ลงทุน
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวในรายการ “คุยเรื่องบ้าน คุยเรื่องเมือง คุยทุกเรื่องจากรัฐมนตรี” ออกอากาศทาง FM 92.5 ว่า องค์การอนามัยโลกได้เข้ามาประเมินสถานการณ์ และสำรวจความพร้อมต่อสถานการณ์โควิดที่ประเทศไทยได้บริหารสถานการณ์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยประเมินอย่างละเอียดออกบทสรุปมา ถือว่าผลลัพธ์มีมาตรฐานที่สูงสามารถเป็นแบบอย่างที่จะเขียนเป็นแนวทางการต่อสู้กับสถานการณ์โควิดในบริบทขององค์การอนามัยโลกได้
โดยปัจจัยหลักๆ คือ.ผู้บริหารระดับสูงกำหนดนโยบายและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลทุ่มเททุกองคาพยพ ที่มีอยู่เพื่อให้ประชาชนได้รับดูแลที่ดี ทั้งการรักษา การป้องกัน การควบคุมโรค ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน และสถานพยาบาล มีระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็งจากความมั่นคงของระบบหลักประกันสุขภาพสุขภาพถ้วนหน้าและระบบปฐมภูมิ และความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน สังคม ประชาชน
นอกจากนี้ไทยมีความสามารถในการพึ่งพาตัวเองทั้งยา เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และวัคซีนคือตัวปิดเกม ซึ่งสามารถเข้าถึงทั้งในส่วนที่ผลิตในประเทศไทยและการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้มีวัคซีนทุกแพลตฟอร์ม แต่วันนี้ปัญหาของเราไม่ใช่การขาดวัคซีน แต่ปัญหาคือคนไม่ยอมมารับวัคซีนถือว่าเป็นอันตรายมากพอสมควร สรุปง่ายๆ ถ้าตอนนี้ใครรับเข็ม 2 แล้วก็ให้มารับเข็ม 3 ทันที ห่างจากเข็ม 3 แล้ว 3 เดือนก็มารับเข็ม 4 ได้ และหากรับเข็ม 4 แล้วแต่ยังเป็นคนเสี่ยงหรือมีความจำเป็นก็สามารถมารับเข็ม 5 ได้ ซึ่งผู้ที่รับเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 แล้วแม้ติดเชื้อแต่ก็ไม่มีผู้ใดป่วยอาการหนักและเสียชีวิต
กรณีที่ถามว่าตอนนี้คนไทยจะสามารถดำเนินชีวิตกับโควิดได้อย่างปกติหรือไม่ ต้องตอบว่าได้ เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นข้อห้าม สถานบันเทิงผับ บาร์ คาราโอเกะ ก็เปิดหมดแล้ว แต่การประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นนั้นไม่จำเป็นต้องประกาศวัน ว. เวลา น. เพราะอยู่ที่พฤติกรรมของเรา ซึ่งทุกวันนี้เราก็เหมือนอยู่ในความเป็นโรคประจำถิ่นอยู่แล้ว เพราะไม่ต้องตรวจ PCR ก่อนจะเดินทางออกนอกประเทศ คนเดินทางเข้ามาก็ไม่ต้องกักตัวไม่ต้องตรวจ PCR ก่อน และกำลังพยายามยกเลิกระบบ Thailand Part ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ยกเลิกให้กับคนไทย แล้วอนาคตอันใกล้ก็จะยกเลิกทั้งหมดเพื่อให้คนเดินทางเข้าในประเทศไทยได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
“เราดำเนินนโยบายเช่นนี้มาเข้าเดือนที่ 2 แล้วยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี เพราะได้เตรียมการป้องกันต่าง ๆ ให้ประชาชนในประเทศหมดแล้ว และคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศก็ผ่านระบบการคัดกรองที่เข้มแข็งของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าจะประกาศหรือไม่ประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นเราก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้มากแล้ว” นายอนุทิน
ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้จึงบริหารจัดการสถานการณ์โควิดโดยเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่เอาโควิดเป็นศูนย์กลาง และจากนี้เราไม่มีการปิด ไม่มีการห้ามนั่นห้ามนี่อีก เราเดินไปข้างหน้า ไม่ย้อนไปข้างหลังแล้ว และใช้ความพร้อมที่มีอยู่ ทั้งยา เวชภัณฑ์ วัคซีน ในการดำเนินชีวิตของพวกเราต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ขอสิ่งเดียวอย่าให้ขาดไปคือความร่วมมือของประชาชนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากที่ทำให้การประคับประคองสถานการณ์โรคระบาดต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์ สามารถสร้างดุลยภาพทางสาธารณสุขเศรษฐกิจสังคมและการใช้ชีวิตอยู่ได้เต็มที่
ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลยังพร้อมให้การดูแลในเรื่องโรคระบาดโควิดอย่างเต็มที่และเมื่อผ่านพ้นสถานการณ์โควิดไปแล้วมั่นใจว่าประเทศไทยจะได้รับความเชื่อมั่นจากนานาอารยประเทศ คนจะมั่นใจมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นอกจากนี้ยังจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นด้วย เพราะเห็นแล้วว่าการจะไปลงทุนที่ไหนจะดูแค่สิทธิประโยชน์ในการลงทุน เรื่องภาษีต่างๆ อย่างเดียวไม่ได้ ไม่สำคัญเท่าประเทศนั้น ๆ มีระบบการสาธารณสุขที่ดี.