กรมการแพทย์เผยป่วยโควิดใน กทม.เพิ่มขึ้น 10 % คาด BA.4 , BA.5 แรงกว่าเดิม แนะสวมหน้ากากในสถานที่ปิด
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.65 ที่กรมการแพทย์ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิดหลังผ่อนคลายมาตรการและกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เช่น การเปิดผับบาร์ คาราโอเกะ แนวโน้มการติดเชื้อในภาพรวมของประเทศเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่ชัดเจน แต่ที่ชัดเจนคือพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจากข้อมูลรพ. สังกัดกรมการแพทย์ 3 แห่งคือ รพ.ราชวีถี รพ.เลิดสิน และรพ.นพรัตน์ มีแนวโน้มติดเชื้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อัตราการครองเคียงเพิ่มเป็นพันกว่าเตียงหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคนอาการรุนแรงเทียบเฉพาะผู้ป่วยครองเตียง เช่น รพ.ราชวีถี ครองเตียงราว 30 ราย อาการรุนแรง 3 รายคิดเป็น 10 % ขณะที่เตียงโควิดยังว่างเยอะอยู่เตียงไอซียูตอนนี้มีการครองเตียง 10-20 %
ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวเป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าเมื่อมีการผ่อนคลายก็จะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ รวมถึงเริ่มพบการติดเชื้อในโรงเรียนมากขึ้นด้วย ฉะนั้นวัคซีนโควิดมีความจำเป็นอย่างมาก ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรคที่ให้ฉีดเข็มกระตุ้นทุก 4 เดือน อย่างไรก็ตาม กรณีประชาชนตรวจ ATK ที่บ้านเมื่อเจอผลบวกขอให้รายงานเข้าระบบรักษาตัวที่บ้าน(HI) เจอแจกจบ (OPD) ที่จะมีแพทย์ติดตามใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยในการเก็บข้อมูลประเมินสถานการณ์
เมื่อถามถึงอาการของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 BA.5 นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ตามที่ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ได้เฝ้าระวังและรายงานว่าเริ่มเจอผู้ติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้น โดยหลักการของสายพันธุ์ดังกล่าวคาดว่าจะมีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่มีการหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน แต่ความรุนแรงยังไม่ชัดเจนว่าทำให้มีผู้ที่ต้องเข้า รพ.มากขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้รายงานจากต่างประเทศ ที่นำเชื้อดังกล่าวไปทดลองในเซลล์ปอดพบว่าเชื้อลงปอดมากกว่าโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.1 และ BA.2 ดังนั้นแนวโน้มว่าน่าจะรุนแรงกว่า แต่ไม่ได้เทียบกับสายพันธ์เดลต้า ขณะนี้ทวีปยุโรปเพิ่มพบการติดเชื้อ BA.4 BA.5 เพิ่มขึ้นและมีการเข้ารักษาในรพ.มากขึ้นพอสมควร ดังนั้นยังแนะนำให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย แต่หากช่วงเวลาอยู่คนเดียว ในที่โล่งแจ้งก็สามารถถอดได้ แต่หากอยู่ในสถานที่ปิด ใช้รถร่วมกับผู้อื่น อยู่ในสถานที่สาธารณะที่มีคนมากๆ ก็ต้องสวมไว้.