“หมอหนู” ออกโรงแจง ทำไมไทยเลือกใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซนนิกา เพราะพร้อมให้โรงงานในไทยได้สูตรไปผลิตเองในระยะยาว อีกทั้งการจัดเก็บ ขนส่ง กระจาย จัดการได้ในสภาพแช่เย็นที่ 2-8 องศาเซลเซียส เก็บได้นาน 6 เดือน ดีกว่ารายอื่นๆ แถมราคาก็ยังถูกกว่าด้วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ที่กำลังกักตัวเอง 14 วัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Like Anutin ชี้แจงกรณี “ทำไมไทย เลือกใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซนนิกา” มีเนื้อหาดังนี้… “มีเสียงวิจารณ์ หลังจากบางประเทศเริ่มได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ ไปใช้ก่อน ขณะที่ไทยต้องรอถึงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงจะทยอยได้รับวัคซีน เบื้องต้นคือ 2 ล้านชุด สำหรับไทยนั้น เลือกทำสัญญากับทางบริษัทแอสตราเซนนิกา เป็นหลัก ซึ่งจะผลิตวัคซีนสูตรของ Oxford และพร้อมให้โรงงานผลิตในไทย ได้สูตรไปผลิตเอง เป็นการเสริมแกร่งด้านสาธารณสุขในระยะยาว และนี่ไม่ใช่จุดเด่นข้อเดียวของวัคซีนจากบริษัทนี้ ประสิทธิภาพของวัคซีนจากแอสตราเซนนิกามีความสามารถในการป้องกันโควิด-19 “สูง” ตัวเลขนี้อาจสูงถึง 90% หากปรับขนาดยา
เมื่อพูดถึงการจัดเก็บ ขนส่ง และกระจายวัคซีนโควิด-19 นั้น วัคซีนของแอสตราเซเนกามีข้อได้เปรียบที่น่าสนใจ เพราะสามารถจัดเก็บ ขนส่ง และจัดการได้ในสภาพแช่เย็นปกติที่ 2-8 องศาเซลเซียส เก็บได้นานอย่างน้อย 6 เดือน ขณะที่วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ต้องจัดเก็บที่อุณหภูมิ -80 องศาเซลเซียส ส่วนวัคซีนของโมเดอร์นาอยู่ในนาน 6 เดือนที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเก็บที่อุณหภูมิปกติ 2-8 องศาเซลเซียส จะอยู่ได้นาน 30 วัน ทำให้เมื่อเทียบกันแล้ว การจัดเก็บวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา-ออกซฟอร์ดจึงง่ายกว่า ยิ่งกว่านั้น การได้ผลิตในประเทศ ยิ่งเอื้อต่อการขนส่ง โดยไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของยา
ด้านราคา วัคซีนของแอสตราเซนนิกา หรือ AZD1222 ซึ่งต้องใช้ 2 โดสมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3-4 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 90-120 บาท) ต่อโดสเท่านั้น ทั้งนี้ ราคาอาจสูง 150-170 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับวัคซีนอีกสองตัว พบว่าราคาต่ำกว่าวัคซีนของไฟเซอร์ (600 บาทต่อโดส) และโมเดอร์นา (970-1,120 บาทต่อโดส) อย่างมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของความปลอดภัย ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศอังกฤษแล้ว
เหล่านี้ น่าจะตอบคำถามได้ว่า ทำไมไทยจึงเลือกใช้วัคซีนของแอสตราเซนนิกา
https://www.businessinsider.com/how-covid-vaccines…