“หมอหนุ่ม” ตายเพราะปาก โพสต์หมิ่นพระเกียรติ “เบื้องสูง” สุดท้าย 2 รพ.ต้นสังกัด “ไล่ออก” หมดอนาคต ขณะที่โลกโซเชียลตามถล่มไม่ยั้ง “หมอเหรียญทอง” ประกาศรพ.ไหนรับทำงาน จะ Social Sanction ทันที “อัษฎางค์” บี้ แค่ไล่ออกยังไม่จบ ต้องไปจบที่ศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงกรณี นพ.ศราวิน ทองรอง ซึ่งเป็น แพทย์ประจำของโรงพยาบาลจอมเทียน และเป็น แพทย์ Part Time ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ระยอง ได้โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย และ มีการใช้สรรพนามลบหลู่พระเกียรติ “สถาบันเบื้องสูง” จนทำให้มีผู้ท้วงติงและไม่เห็นด้วยกันอย่างมาก ปรากฏว่า ในเวลาต่อมา 2 โรงพยาบาลดังกล่าวพร้อมใจกันไล่ออก นพ.ศราวิน หลังทราบเรื่องดังกล่าว
โดย โรงพยาบาลจอมเทียน ออกแถลงการณ์ให้นพ.ศราวิน พ้นสภาพการเป็นแพทย์ประจำของโรงพยาบาล มีเนื้อหาระบุว่า …สืบเนื่องจากฝ่ายบริหารโรงพยาบาลจอมเทียน ได้รับทราบเหตุการณ์ประพฤติไม่เหมาะสม ผิดระเบียบบริษัทของ นายแพทย์ศราวิน ทองรอง ที่ปฏิบัติงานเป็นแพทย์ประจำของโรงพยาบาล ฝ่ายบริหารโรงพยาบาลจอมเทียน พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้ นายแพทย์ศราวิน ทองรอง พ้นสภาพจากการเป็นแพทย์ประจำของโรงพยาบาล โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ขณะที่ โรงพยาบาลกรุงเทพ ระยอง ได้ออกหนังสือประกาศ เรื่อง การให้นายแพทย์ Part Time พ้นสภาพทันที มีเนื้อหาว่า…สืบเนื่องจากทางโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง ได้ทราบเรื่องว่า นายแพทย์ศราวิน ทองรอง ซึ่งเป็นแพทย์ Part Time ของโรงพยาบาล ได้กระทำการไม่เหมาะสม และกระทำผิดระเบียบของบริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง จำกัด ดังนั้น ฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้ นายแพทย์ศราวิน ทองรอง พ้นสภาพจากการเป็นแพทย์ part time ของโรงพยาบาล โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
หลังปรากฏข่าวดังกล่าวออกไป ปรากฏว่า กระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงนพ.ศราวินก็ยังไม่จบ เมื่อ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ก็ออกมาแสดงความเห็นว่า…นพ.ศราวิน ทองรอง แพทย์เวชศาตร์ฉุกเฉิน สำเร็จการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้โพสต์ข้อความวิวาทะในโลกออนไลน์ด้วยการใช้สรรพนามลบหลู่พระเกียรติยศ XXX รพ.ใดที่รับนายแพทย์คนนี้ทำงานไม่ว่าจะ Full Time หรือ Part Time ขอให้เลิกจ้างโดยเร็ว มิฉะนั้นผมจะดำเนินมาตรการทางสังคมต่อต้าน รพ.ต้นสังกัดอริราชศัตรูคราบเสื้อกาวน์ตัวนี้อย่างรุนแรง และขอให้ รพ.ขอนแก่น ตรวจสอบด้วยว่ามี นายแพทย์คนนี้ในสังกัดด้วยหรือไม่
ทางด้าน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ แสดงความเห็นเช่นกันว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทำอะไรไว้ให้ประเทศชาติและประชาชน เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก มีแต่เด็กคนรุ่นใหม่ ที่ถือตัวว่าเกิดมาในยุคเทคโนโลยีและมีการศึกษา แต่กลับโดนคนเพียงไม่กี่คนหลอกอย่างง่ายดาย ด้วยการสร้างข้อมูลเท็จ พวกเขาไม่รู้ว่า ที่ตนเองและครอบครัว มีชีวิตที่อยู่ดีมีสุข มีทุกอย่างมาได้ หนึ่งในปัจจัยหลักนั้นมาจากพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นที่น่าเสียดาย ที่เด็กยุคนี้มีทั้งการศึกษา และเทคโนโลยี เปรียบเสมือนมีสมองแต่ไม่มีปัญญา
มนุษย์ทุกคนมีสมอง แต่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วคือคนที่มีสมองแต่ไม่มีปัญญา การหมิ่นประมาทจาบจ้วง เป็นความผิดตามกฎหมาย แต่พอถูกกฎหมายเล่นงาน ก็แหกปากว่าถูกคุกคามรังแก ทั้งๆ ที่สิ่งที่ตนเองทำลงไปนั้น คือการคุกคามรังแกผู้อื่น และที่สำคัญ บุคคลที่ตนเองคุกคามรังแกนั้นคือ พระประมุขของแผ่นดิน ที่ไม่ว่าชาติใดในโลกก็มีกฎหมายคุ้มครองประมุขของประเทศตนด้วยกันทั้งสิ้น
ลองจินตนาการดูว่า ถ้าคนไข้เป็นฝ่ายที่เทิดทูนสถาบันฯ หมอที่ต่อต้านสถาบันฯ ที่มีพฤติกรรมคลั่งการเมืองรุนแรงขนาดนี้ จะรักษาคนไข้คนนั้นอย่างไร ไม่อยากคิดเลย การที่มีความเห็นต่างทางการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่ผิด แต่สิ่งที่ผิดคือการปล่อยให้อารมณ์การเมืองมาปนเปื้อนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต คนเก่งแต่เป็นคนไม่ดี มีสมองแต่ไม่มีปัญญาแยกแยะถูกผิด คือคนที่เป็นอันตรายต่อสังคม การลาออกหรือถูกไล่ออก ไม่ได้แปลว่าจบ เพราะการทำผิดกฎหมายต้องจบที่ศาลเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง เพจ “รู้ทันโลกออนไลน์” ลงบทกลอนเรื่อง “….หมอตายเพราะปาก” เนื้อหาดังนี้…
ปลาหมอถึงคราวเคราะห์ก็เพราะปาก
นั้นมาจากสุภาษิตที่ติดหู
แต่ในยุคสมัยไร้คลองคู
เลยไม่รู้ไม่เห็นเป็นอย่างไร
แต่ถ้าทอนสำนวนห้วนสักนิด
ลองเบือนบิดแล้วเขียนเปลี่ยนมันใหม่
ถ้าลองนำคำว่าปลาออกไป
ความหมายไม่ได้เพี้ยนเปลี่ยนจากเดิม
เหลือ”หมอตายเพราะปาก”เพราะอยากเด่น
ออกความเห็นสำนวนชวนสั่นเทิ้ม
ถ้อยคำแต่ละอย่างช่างเหิมเกริม
กรรมเลยเริ่มสะท้อนย้อนเข้าตัว
ก็เพราะหมอนั้นอยากปากปลาหมอ
สุดท้ายก็เป็นข่าว…ฉาวไปทั่ว
เพราะพูดอะไรไปไม่เกรงกลัว
ปากชั่วชั่ว..จึงส่งผลกับตนเอง…
“ภกฺติ”
