“กรมชลฯเตือน 6 จังหวัดลุ่มน้ำป่าสัก เจ้าพระยา ถึงกรุงเทพฯรับน้ำเหนือ แจ้งประชาชนสองฝั่งลำน้ำระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เร่งเคลียร์น้ำหลาก จ.เพชรบูรณ์ 133.กว่าล้านลบ.ม.ลงทะเล ส่วนเขื่อนเจ้าพระยา ระบายเกือบ1,500 ลบ.ม.ต่อวินาที “
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.65 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนสุถานการณ์น้ำลุ่มน้ำป่าสักไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัดในลุ่มน้ำป่าสัก เช่น นนทบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำและประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน และประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย โดยแจ้งเตือนฉบับที่1 เมื่อวันที่24 มิถุนายน 2565 เนื่องจากเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็น400-500 ลบ.ม.ต่อวินที ซึ่งการเพิ่มการระบายในอัตรา 500 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม ควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตราไม่เกิน 600 ลบ.ม.ต่อวินาที
ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในช่วงวันที่15-21 สิงหาคม โดยมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ในวันที่16 สิงหาคม กับมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี่ย และประเทศเวียดนามตอนบนในระยะปลายสัปดาห์ ทำให้มีฝนตกในพื้นที่แม่น้ำป่าสักมากอย่างต่อเนื่อง วัดปริมาณน้ำฝนได้159มิลลิเมตร ส่งผลระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับลำน้ำสาขา มีน้ำป่าไหลมาสมทบ ส่งผลให้ระดับน้ำ อำเภอหล่มสัก จ. เพชรบูรณ์ เพิ่มสูงขึ้นปริมาณน้ำดังกล่าวไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
กรมชลประทาน ได้คาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะเกิดจากปริมาณฝนตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.) จะมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนป่าสัก ในระหว่างวันที่24-30สิงหาคม รวมจำนวน133.26 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักฯจะมีจำนวน355ล้านลบ.ม. ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำและเพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำ และปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สำหรับการรองรับน้ำเหนือช่วงถัดไป กรมชลประทาน จะเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯจากอัตราวันละ 34.56 ล้านลบ.ม.ต่อวัน เป็น42.20 ล้านลบ.ม.ต่อวัน หรือประมาณ 500 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม ซึ่งเมื่อน้ำจำนวนนี้ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจากคลองชัยนาท -ป่าสักฯแล้ว จะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระราหกในอัตราไม่เกิน 600 ลบ.ม.ต่อวินาที
จากสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำแม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน 1.00 เมตรถึง 1.50 เมตร ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคเอกชน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำป่าสัก อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ว่าแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดนครสวรรค์ สถานี C.2 ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,590 ลบ.ม.ต่อ วินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,464 ลบ.ม.ต่อวินาที (เมื่อวาน 1,500 ลบ.ม.ต่อวินาที) รับน้ำเข้าระบฝั่งตะวันออก รวม 105 ลบ.ม.ต่อวินาที (เมื่อวาน 74 ลบ.ม.ต่อวินาที) โดยผ่าน คลองชัยนาทป่าสัก (ปตร.มโนรมย์) 81 ลบ.ม.ต่อวินาทีคลองชัยนาท-อยุธยา (ปตร.มหาราช ) 20 ลบ.ม.ต่อวินาทีและคลอง เล็กอื่น ๆ 4 ลบ.ม.ต่อวินาที แม่น้ำป่าสัก เขื่อนพระรามหก 469 ลบ.ม.ต่อวินาที รับน้ำเข้าคลอง ระพีพัฒน์ 24 ลบ.ม ต่อวินาที รับน้ำเข้าระบบส่งน้ำฝั่งตะวันตก รวม 128 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยผ่านคลอง มะขามเฒ่าอู่ทอง (ปตร.มะขามเฒ่า-อู่ทอง) 10 ลบ.ม.ต่อวินาทีแม่น้ำสุพรรณ 20 ลบ.ม.ต่อวินาทีแม่น้ำน้อย 70 ลบ.ม.ต่อวินาที และที่ อ.บางไทร สถานี C.29A ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 1,549 ลบ.ม.ต่อวินาที (เมื่อวาน 1,461 ลบ.ม.ต่อวินาที)
