“ประวิตร”ห่วงรับมือสถานการณ์น้ำ จี้เร่งขับเคลื่อนจัดที่ดินทำกิน กระจายให้เป็นธรรมใช้ประโยชน์ให้ทั่วถึง และให้คุมเข้มสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 12 ส.ค.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางขึ้นเหนือ จ.ตาก ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำภาคเหนือ และการขับเคลื่อนนโยบายที่ดินทำกิน โดยรับฟังสถานการณ์น้ำ และการขับเคลื่อนจัดการที่ดินทำกิน ณ วิสาหกิจชุมชนศาสตร์พระราชาบ้านมั่นคงเมืองแม่สอด ต.แม่ปะ อ.แม่สอด มี ผวจ.ตาก และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆในพื้นที่ร่วมต้อนรับ
สำหรับภาพรวม การบริหารจัดการที่ดินทำกินแบบแปลงรวม ดำเนินการไปแล้ว 12 พื้นที่ มุ่งเร่งกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ที่เน้นความยั่งยืน พื้นที่ จว.ตาก เป็นพื้นที่นำร่องการจัดสรรที่ดินชุมชน สำหรับทำกินและอยู่อาศัย ที่ให้ความสำคัญกับวิสาหกิจชุมชน โดยพื้นที่ หมู่ 10 จำนวน 58 ไร่ ประชาชน 43 ครัวเรือน ที่ได้รับที่ดินใช้ประโยชน์ทำกิน เน้นอยู่ร่วมกันทุกศาสนา น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงในรูปวิสาหกิจชุมชน
ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร’ ได้มอบสิทธิที่ดินทำกินและหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในป่าสงวนแห่งชาติ ตามนโยบายการจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชนกับประชาชนที่ได้รับสิทธิ พร้อมย้ำแสดงความขอบคุณ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ( บจธ.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ที่ได้ช่วยขับเคลื่อนกระจายการถือของที่ดินทำกินอย่างเป็นธรรมและให้ทั่วถึงพี่น้องเกษตรกรและคนยากจน ให้มีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน รอง นรม.ยังได้กำชับ ให้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามา การพึ่งพาตนเองและต้องช่วยปกป้องการสูญเสียสิทธิในที่ดิน จากการจำนอง ขายฝาก เน้นการมีส่วนร่วม ทั้งภาครัฐ ประชาชนและภาคประชาสังคม ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มศักยภาพ เน้นมิติสังคม มิใช่มุ่งเพียง มิติการเงินการธนาคารเท่านั้น
หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตร’ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 14 ณ อ.แม่สอด ย้ำสถานการณ์สู้รบใช้แดนส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จึงย้ำสั่งการ ขอให้กองกำลังป้องกันชายแดน ยึดมั่นการปกป้องอธิปไตย ป้องกันการรุกล้ำทั้งทางบกทางน้ำและทางอากาศ ขณะเดียวกันให้รักษาความสัมพันธ์อันดี โดยใช้กลไกทั้งระดับพื้นที่และภูมิภาคสนับสนุนการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี พร้อมทั้งขอให้ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ และผู้หนีภัยจากการสู้รบ ด้วยเมตตาธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน
พร้อมกำชับ ให้คุมเข้มสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า สินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ สัตว์ป่าและ พืชผลการเกษตร ที่ส่งผลต่อราคาสินค้าการเกษตรภายในประเทศ รวมทั้งให้เตรียมความพร้อม ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่เสี่ยง และในบ่ายวันเดียวกัน รอง นรม.ได้เดินทางต่อไปติดตามสถานการณน้ำในพื้นที่
