นายกฯเผยรัฐบาลกำลังประเมินสถานการณ์การระบาด หามาตรการดูแลเศรษฐกิจและเยียวยา ภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้ ย้ำเรื่องเงินไม่มีปัญหา จะใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าระลอกใหม่ ที่เกิดขึ้นมาได้ประมาณ 3 สัปดาห์ (ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.63 ) จนถึงวันนี้ ณ ปัจจุบัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อแม้จะยังสูง คือ 200-300 คนต่อวัน แต่เป็นการเพิ่มที่ค่อนข้างคงที่ ไม่ได้สูงขึ้นต่อเนื่องทุกวัน อย่างที่เราวิตกในตอนแรก และผู้ติดเชื้อระลอกใหม่นี้ ใช้เวลารักษาหายเร็วขึ้นมาก ในรอบ 4 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 ม.ค. จนถึงวันนี้ เรารักษาหายรวมกันเกือบ 1,500 คน
การระบาดรอบใหม่นี้ เรามีความพร้อมมากกว่าเมื่อปีที่แล้วมาก ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ ป้องกัน โรงพยาบาล บุคลากร ความรู้ความเข้าใจในการป้องกัน ที่สำคัญมากคือ ความร่วมมือ ความรับผิดชอบของพี่น้องประชาชน ช่วยกันจำกัด การแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม การที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 หลักต่อวัน การตรวจหาเชื้อเชิงรุกยังพบผู้ติดเชื้อ มากบ้าง-น้อยบ้างในแต่ละวัน แสดงว่าแม้เราจะควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้ในเบื้องต้น แต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ทำให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศให้ลดลงมาเหลือสองหลัก หลักเดียว จน ควบคุมได้ในที่สุด
“ผมมั่นใจว่า เราจะทำได้แน่นอน เหมือนที่เราเคยทำได้มาแล้ว”
เรื่องวัคซีน ผมได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งรัดกระบวนการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 ให้เร็ว วัคซีนมาถึงแล้ว ฉีดให้ประชาชนได้ทันที โดยเฉพาะวัคซีนของ “แอสตร้า ซีเนก้า” ที่ประเทศไทยได้รับสิทธิให้เป็นผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำแผนการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่ใช้กันอยู่คือ เรียงตามลำดับความเสี่ยง กลุ่มบุคลการทางการแพทย์ ผู้สูงวัย ผู้มีโรคประจำตัว คนที่พื้นที่ที่มีการระบาดสูง จะได้รับก่อน เรื่องนี้เตรียมไว้หมดแล้ว
การระบาดระลอกใหม่ แม้จะไม่มีการปิดสถานที่ต่างๆ เป็นวงกว้าง ไม่มีการจำกัดการเดินทาง การออกนอกเคหสถาน เป็นวงกว้าง เหมือนการระบาดเมื่อต้นปีก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ บางส่วนยังดำเนินต่อไปได้ ยอดค่าใช้จ่ายผ่านโครงการ คนละครึ่ง ยังอยู่ในระดับเดียวกับก่อนการระบาด แต่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดง ที่มีการควบคุมระดับสูงสุด ส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการ และพนักงาน ลูกจ้าง
รัฐบาลกำลังประเมินสถานการณ์การระบาด เพื่อกำหนดมาตรการดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติมโดยเฉพาะในเรื่อง การช่วยเหลือเงินเยียวยาค่าครองชีพของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการะบาดรอบนี้ ผมคาดว่า ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ เราจะมีความชัดเจน และจะมีมาตรการออกมาได้
ในระหว่างนี้ มาตรการดูแลเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้ายังคงมีอยู่ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน การเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีมติอนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบในระยะเร่งด่วน ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ
1.มาตรการเสริมสภาพคล่อง บรรเทาภาระหนี้สินของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและประชาชน
2.มาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงาน การลดหย่อนเงินสมทบนายจ้าง และผู้ประกันตน เพิ่มสิทธิประโยชน์ การว่างงาน ฯลฯ
3.มาตรการลดค่าใช้จ่ายประชาชน โดยการลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าอินเตอร์เน็ต
อีกเรื่องที่ผมจะต้องขอย้ำคือ เรื่องที่รัฐบาลมีเงินเพียงพอสำหรับการดูแลเศรษฐกิจ ในรอบการระบาดใหม่นี้ เพราะเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตามพระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส โคโรน่า เราใช้ไป 5 แสนกว่าล้านบาท ยังเหลือ ประมาณ 4 .9 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ เรายังมี “งบกลาง” ของงบประมาณ ปี 2564 อีกประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งใช้ในกรณีฉุกเฉิน และเร่งด่วน รวมกันแล้ว 6 แสนล้านบาท
เรื่องเงินเราไม่มีปัญหา จะใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ ตรงจุด และทันการณ์นั่นคือสิ่งสำคัญกว่า
ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า เรารับมือโควิดได้ รอบแรกนั้น เราไม่มีประสบการณ์ความรู้ แต่เราก็รับมือได้จนเป็นต้นแบบของโลกมาแล้ว ครั้งนี้ด้วยประสบการณ์บวกกับความเชี่ยวชาญของทีมสาธารณสุข และที่สำคัญที่สุดคือ เราทุกคนต้องร่วมมือกัน เราจะผ่านมันไปได้อีกครั้งเหมือนที่เราร่วมมือกันทำสำเร็จมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการต่างๆ ซึ่งที่ประชุมครม.เห็นชอบคือ
1.ลดค่าไฟฟ้า 2 ดือน ตามใบแจ้งหนี้เดือนก.พ.และเดือนมี.ค. 2564 ส่วนประชาชนที่ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยยังให้ใช้ฟรี
2.ลดค่าน้ำประปา 10 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 2 เดือน ตามใบแจ้งหนี้เดือนก.พ. และมี.ค. 2564 เฉพาะบ้านพักอาศัย และกิจการขนาดเล็ก คลอบคลุมผู้ใช้น้ำกว่า 6 ล้านราย และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้กับประชาชน, ข้าราชการที่ทำงานจากบ้าน Work Form Home ซึ่งทาง กสทช. และผู้ประกอบการ จะเพิ่มความเร็วของอินเตอร์เน็ตบ้านและมือถือให้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่คิดค่าดาต้าเป็นเวลา 3 เดือน
ส่วนโครงการคนละครึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่อีก 1 ล้านสิทธิ ในปลายเดือนม.ค.นี้
นอกจากนี้ยัง สั่งให้มีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเหมือนที่ผ่านมา โดยกำหนดวงเงินเยียวยา อาชีพอิสระ 3,500 บาท/คน/เดือน เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งมาตรการนี้จะเสนอต่อที่ประชุมครม.ในวันอังคารที่ 19 ม.ค. 64 หากครม.ให้ความเห็นชอบก็จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านโครงการเราชนะ คาดว่าจะใช้เงินได้ภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้เป็นอย่างเร็ว หรือต้นเดือนก.พ.เป็นอย่างช้า