“จตุพร”ย้ำ 30 ก.ย.เจอกันราชประสงค์นับ 1ประเทศไทย ลั่นไม่รู้จักพอของ”ประยุทธ์” จะนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงทุกเรื่อง ด้านทนายนกเขา ระบุ ไม่ว่าศาลจะออกเป็นบวกลบ ทำหน้าที่ไม่ได้ทั้งครม.และสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อวันที่ 18 ก.ย.65 ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และกลุ่มประเทศไทยต้องมาก่อน จัดแถลงข่าวก่อนเริ่มงานเสวนา “นับหนึ่งประเทศไทย ด้วยอธิปไตยของปวงชน หลัง 30 กันยายน”
นายจตุพร กล่าวว่า เป็นความประสงค์ของคณะหลอมรวมประชาชนที่ต้องการฟังวิทยากรจากบุคคลภายนอกในหัวข้อนับหนึ่งประเทศไทย ด้วยอธิปไตยของปวงชนหลัง 30 กันยายน ซึ่งกำหนดไว้ในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งมี รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย , รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอก สาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา นิด้า , นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายบรรจง นะแส ที่ปรึกษารักษ์ทะเลไทย ในเวลา 13.00 น.นี้ ส่วนวันอาทิตย์หน้าในวันที่ 25 กันยายน จะเริ่มต้นโดยปาฐกถาของนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือส.ศิวรักษ์ นักเขียนชื่อดัง หัวข้ออธิปไตยของปวงชน หลังจากนั้นจะเป็นหัวข้อเสวนานำโดยศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) ซึ่งพี่น้องน่าจะรู้จักกันครบถ้วนอยู่แล้ว ดำเนินรายการโดยกุลธิดา ช้วนกุลทั้ง 2 วัน
ส่วนวันที่ 30 ก.ย.พวกเราเองนัดหมายกันที่ราชประสงค์ เวลา 17.00 น. ซึ่งจะเกิดขึ้นภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัยเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง ของวาระการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องพ้นตำแหน่งครบ 8 ปี หรือไม่อย่างไร ซึ่งคณะหลอมรวมประชาชนก็ประกาศชัดเจนว่าเราจะไม่กดดันใดๆต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ว่าเป็นหน้าที่ที่เราจะกดดันหัวใจพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลาย ว่าเราจะอดทนต่อสถานการณ์นี้อย่างไร เพราะคณะหลอมรวมประชาชนได้เห็นแล้วว่าประเทศไทยไทย เราไม่เคยมีนายกฯขาดตอน แต่ประเทศไทยนั้นได้ขาดตอนมา 8 ปีแล้ว ล้มเหลวทุกด้านโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นอนาคต ดังนั้นการไม่รู้จักพอของพล.อ.ประยุทธ์นั้น จะนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงทุกเรื่อง และเชื่อว่าการอยู่หรือไปของพล.อ.ประยุทธ์นั้น จะทำให้ความจริงได้ปรากฏทุกสถาน คือคนไทยต้องรับรู้ไว้อย่างหนึ่งว่าการบริหารภายใต้พล.อประยุทธ์ 8 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีรัฐมนตรีทุจริตแม้แต่เพียงรายเดียว ใช้งบประมาณไปกว่า 30 ล้านล้าน ทั้งที่สวนทาง ต่อดัชนีเรื่องคอรัปชั่นของโลก ดังนั้นขยะที่ซุกไว้ใต้พรมนั้น ว่าจะหนักกว่าทุกรัฐบาล
นายนิติธร กล่าวว่า วันที่ 30 กันยายน หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาพล.อ.ประยุทธ์ครบ 8 ปี หมายความว่ากระบวนการในการดำเนินคดีต่างๆจะตามมาทั้งหมด และไม่สามารถสรรหารัฐมนตรีได้ เพราะทุกคนฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหมด รวมทั้งสภาด้วย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อได้ ก็มีปัญหาข้อกฎหมายอีกต่อไปว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ศาลสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว แล้วทุกคนต้องหยุดแต่ไม่มีใครหยุด ดังนั้นแม้ศาลจะสั่งให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีต่อไป ก็จะติดกับปัญหาว่าวันที่ 24 สิงหาคม มีการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ดังนั้นไม่ว่าศาลจะออกเป็นบวกลบ ทำหน้าที่ไม่ได้ทั้งครม.และสภาผู้แทนราษฎรเพราะวันที 24สิงหาคม ทุกคนสมัครสมาน ร่วมใจกันฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ เพราะตามกลไกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว ทุกคนต้องหยุด