“อนุทิน” วางเป้าพา “ภูมิใจไทย” เป็นพรรคหลักขั้วการเมือง ยันพรรคลุยเต็มสูบ “ทำงานได้-นโยบายดี -ลงพื้นที่ต่อเนื่อง”
เมื่อวันที่ 22 ก.ย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ถึงอนาคตของพรรคภูมิใจไทย ภายหลังกระแสข่าวลือเรื่องความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล ปม ร่างพ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ…. ว่า เมื่อสภาผู้แทนราษฎร บอกให้กลับไปแก้ ก็ต้องแก้ แม้จะมีเรื่องให้สงสัย แต่เราก็เล่นตามกติกา และเรื่องนี้ จะพยายามอย่างเต็มที่สุดความสามารถแน่นอน สำหรับพรรคภูมิใจไทย ตอนนี้ มีความพร้อมเลือกตั้งอยู่แล้ว เพราะไม่ได้เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง เมื่อคาดเดาไม่ได้ การเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เป้าหมายของพรรคภูมิใจไทยรอบนี้ คือการทำให้ดีกว่าเดิมและเรามองไปถึงการเป็นพรรคหลักของขั้วการเมือง พรรคเราใช้นโยบายนำ เราเชื่อมั่นว่าเรามีของดี ทำได้ ไม่ขายฝัน ที่สำคัญคือความเอาจริง ความตั้งใจ และที่ผ่านมาก็ทำได้ลุล่วงในหลายนโยบาย จะเสร็จช้าเสร็จเร็วเท่านั้น แต่ไม่ยอมปล่อยมือ
นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะของการเป็นรัฐบาลจะเห็นว่าสามารถจำกัดวงความสูญเสียจากโควิด-19 จนนานาชาติ ยอมรับชื่นชม ขณะที่ระบบคมนาคม มีการยกระดับมาโดยตลอด เมื่อเปิดประเทศ ระบบการเดินทางก็พร้อมใช้พอดี เศรษฐกิจ เติบโตต่อเนื่อง มันพิสูจน์ว่าเราทำงานได้จริง มีประสบการณ์ งานพื้นที่ ทางพรรคให้สมาชิก ลงไปพบประชาชน ฟังเสียงประชาชน รับทราบปัญหา หาทางแก้ไข และต้องทำให้เกิดความเป็นรูปธรรม
“เราอยากเป็นต้นขั้วการเมืองอันนี้คือเป้าหมายเรา แต่มันต้องดูด้วยว่าถึงเวลาแล้ว เราจะได้รับความไว้วางใจขนาดไหน การเป็นต้นขั้วการเมือง เป็นพรรคหลักของขั้วการเมือง ถ้าเป็นรัฐบาล ก็สามารถผลักดันนโยบายได้มากขึ้นไปอีก แรงผลักดันมันสูงกว่า หรือถ้าเป็นฝ่ายค้าน การตรวจสอบก็มีความเข้มข้นขึ้น การทำงานเพื่อประชาชน มันจะมาผ่อนเครื่องกันไม่ได้ เหมือนกับเวลาลงพื้นที่หาเสียง เราก็ลุยเต็มสูบ”หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์กับพรรคร่วมตอนนี้ เหมือนจะมีปัญหา จะกลับมาจับมือเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แต่ละพรรคก็มีทิศทางของพรรค อย่างเรื่องการดำเนินนโยบาย อาทิ ประเด็น กยศ.ไม่มีดอกเบี้ย พรรคภูมิใจไทย สนับสนุนเรื่องนี้และอีกหลายพรรคก็เอาด้วย ชนะในชั้น ส.ส. ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เขาไม่โอเคกับเรื่องนี้ ก็ไม่มีใครไปบอกว่าขัดแย้ง แต่พอมาเป็นเรื่องกัญชา กลับมองว่าทะเลาะกันแล้ว บาดหมางกันแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงคือต่างฝ่ายต่างก็มีจุดยืนเป็นของตัวเอง สำหรับพรรคภูมิใจไทย เวลาจะโหวต ต้องคิดมาแล้วว่าประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศชาติได้ประโยชน์ อาทิ การโหวต มาตรา 272 ที่ฝ่ายค้านเสนอให้ตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคก็โหวตด้วย จะเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้มองว่าแกนนำรัฐบาลจะโหวตอย่างไร แล้วหวานเจี๊ยบไปโหวตตามเขาทุกเรื่อง เพราะเราก็มีแนวทางของพรรค
“ส่วนเรื่องนายกรัฐมนตรีของพรรค เราก็มีกติกาของเรา ใครเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ และต้องเป็นชื่อเดียว ไม่มีเบอร์ 2-3 กับพรรคภูมิใจไทย การตัดสินใจแต่ละครั้ง ต้องผ่านการหารือกันมาก่อน ถ้าเสียงแตก ก็โหวตกันในพรรค ได้ผลอย่างไร ก็ยอมรับตามนั้น วิธีการตรงไป ตรงมา และเราใช้วิธีนี้ แก้ปัญหามาตลอด จะเห็นว่า พรรคมีเอกภาพ ไม่มีมุ้ง ไม่มีกลุ่ม เพราะกติกาของพรรคชัดเจน” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า หลังเลือกตั้งวางแผนไว้หรือไม่ ว่าจะจับมือกับใคร นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องรอดูผลการเลือกตั้ง แต่จะจับมือกับใคร มันก็ต้องเอานโยบายไปคุย ซึ่งทุกพรรคก็มีนโยบาย มีเงื่อนไขของเขา ถ้าหารือกันได้ ก็ทำงานร่วมกัน แต่ถ้าอีกฝ่ายมีเงื่อนไขที่เรารับไม่ได้จริงๆ ถึงฝ่ายนั้นจะเป็นรัฐบาล เราก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน
“เอาเข้าจริง ไม่มีใครบอกได้ว่าการเมืองไทยนับจากนี้ จะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ทำได้เลย คือ การทำงาน และลงพื้นที่ ตอนนี้ ต้องชนะใจประชาชนก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน” นายอนุทิน กล่าว