วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“อุปกิต”รับสนิทพ่อค้าพม่ามา20 ปีเคยทำธุรกิจชายแดนร่วมกัน เชื่อไม่เอี่ยวยาเสพติด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อุปกิต”รับสนิทพ่อค้าพม่ามา20 ปีเคยทำธุรกิจชายแดนร่วมกัน เชื่อไม่เอี่ยวยาเสพติด

“อุปกิต”แเอ่นอกการันตีพ่อค้าอาวุธพม่าไม่มีเอี่ยวยาเสพติด แค่ทำธุรกิจขายไฟสุจริต แต่อาจถูกโยงปมโอนเงินให้การไฟฟ้าฯ เผยสนิทกับมา20 ปี เคยทำธุรกิจชายแดนร่วมกัน แต่เลิกแล้วก่อนเป็นส.ว.หันเข้าหาธรรมะ พร้อมขอความเป็นธรรมให้เพื่อน โอดถูกสื่อลากไปเอี่ยว”ปารีณา”ตลอดทั้งที่เลิกลามานานแล้ว

วันที่ 22 ก.ย.65 ที่รัฐสภา นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อเชื่อมโยง กับนายทุน มิน ลัต ซึ่งถูกระบุว่าเป็นนายหน้าค้าอาวุธให้กองทัพเมียนมา และถูกทางการไทยจับกุมด้วยข้อหายาเสพติดและฟอกเงินว่า ไม่มีอะไร นายทุน มิน ลัต เข้าไปทำธุรกิจค้าขายไฟ ระหว่างท่าขี้เหล็กกับแม่สาย ซึ่งเป็นธุรกิจสุจริต โดยตนรู้จักกับบุคคลดังกล่าวมาเป็น 10 ปีแล้ว ยืนยันได้เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ของเมียนมา มีความสนิทสนมกับผู้นำพม่าจริง ซึ่งตนกล้ารับประกันได้ว่า เขาไม่มีเรื่องยาสเพติด โดยเฉพาะตนและครอบครัว ไม่มีประวัติด่างพร้อย เราทำธุรกิจกันมาเป็น 10 ปีแล้วไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องอย่างนี้

นายอุปกิต กล่าวต่อว่า ข่าวที่ออกมาตนเห็นแล้วก็ตกใจ เหมือนกับมาพาดพิงถึงตน จึงต้องมาตอบคำถามของสื่อมวลชนทั้งหมด ตนเคยเป็นเจ้าของโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก ไม่เคยปิดบัง พูดมาตลอดว่า เคยเป็นเจ้าของโรงแรมนี้อยู่ฝั่งท่าขี้เหล็ก ทำธุรกิจมาด้วยความสุจริตตลอด ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สมัยก่อนไม่ใช่เป็นธุรกิจเดียวที่ตนทำก่อนที่จะมาเมืองไทย เมื่อก่อนตนเป็นข้าราชการอยู่กระทรวงต่างประเทศ แล้วลาออกตอนอายุ 30 กว่าไปทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งโรงแรมเป็นหนึ่งในธุรกิจของตน และตอนหลัง 8-9 ปีที่แล้ว ตนเข้ามาลึกซึ้งกับพระพุทธศาสนา จึงไม่อยากไปยุ่งอะไรที่เกี่ยวกับชายแดนแล้ว จึงเข้ามากรุงเทพ และมาเริ่มทำบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และไม่เคยเหยียบขาเข้าไปเลย 8-9 ปี มาเรียน วปอ. หลังจากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา

นายอุปกิต กล่าวต่อว่า เมื่อตนได้รับการแต่งตั้งเป็นส.ว.แล้ว อยากเคลียร์ทุกอย่างไม่อยากเป็นมลทิน จึงได้ขายโรงแรมไป และไม่ได้ปิดบังอะไร มีการชี้แจงต่อคณะกรรมการป.ป.ช. และคนที่สงสัย เพราะไม่ได้มีอะไรที่ดำ หรือผิดปกติเลย โดยเฉพาะสมัยที่ยังเป็นเจ้าของโรงแรมอยู่ ตนเคร่งเรื่องยาเสพติด มีการใช้สุนัขดมไม่ให้คนขึ้นรถ เพราะทำธุรกิจชายแดนมันหมิ่นเหม่ แต่ก็เข้าใจเพราะจากที่อ่านจากข่าวนายทุน มิน ลัต หลังจากที่ตนขายโรงแรมแล้ว เขาก็ยังอยากทำธุรกิจขายไฟต่อ จึงมาจดทะเบียนบริษัทในไทย ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นตอนที่ด่านปิดเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งตนก็เคยร่วมทำธุรกิจไฟกับเขา โดยปกติตอนที่ด่านเปิด การไฟฟ้าพม่าจะเอาเงินสดมาให้เราที่โรงแรม แล้วเอาข้ามด่านมาธนาคารกสิกรไทย เพราะการไฟฟ้าภูมิภาคไม่รับเงินสด เนื่องจากไม่มีพนักงานนับเงิน และกลัวธนบัตรปลอม และชายแดนใช้เงินบาทเรา จึงเอาเงินเข้าแบงค์เพื่อออกเป็นแคชเชียร์เช็ค จ่ายให้กับการไฟฟ้าฯ ซึ่งเป็นอย่างนี้มาหลายปีจนด่านปิด ก็เกิดปัญหา เพราะตนก็เลิกธุรกิจหมดแล้ว แต่นายทุน มิน ลัต รับทำต่อ เขาไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจ่ายให้การไฟฟ้าฯอย่างไร จึงฝากคนโอน

“ในกรณีนี้อาจจะไปเกี่ยวพันกับคนส่ง ยกตัวอย่างกรณีมีร้านอาหาร วันดีคืนดีมีพ่อค้ายาเสพติดมาทานข้าว แล้วเอาเงินขายยามาจ่าย อย่างนี้ต้องมาจับเจ้าของร้านด้วยหรือไม่ เขาจะรู้หรือไม่ จึงต้องให้ความเป็นธรรม ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนพม่า คนที่ใกล้ชิดกับผู้นำ คนที่สถานทูตเขารับประกันว่า ไม่มีประวัติด่างพร้อย อายุตั้ง 50 กว่าแล้ว เพราะถ้าทำเรื่องยา ก็ต้องมีประวัติอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ไม่มีลิ๊งค์เกี่ยวกับยาเลย มีแต่เรื่องโอนเงินเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งผมอ่านพบอีกว่าเป็นพ่อค้าอาวุธ กลายเป็นยักษ์เป็นมาร ทั้งที่เขาเป็นตัวแทนประเทศอิสลาเอลในการขายยุทโธปกรณ์ เท่าที่ทราบเขาเป็นตัวแทนอย่างถูกต้อง ขายให้รัฐบาลพม่า นี่คือธุรกิจที่เขาทำ และเขาจะมาปักหลักทำธุรกิจไฟฟ้าที่เมืองไทย เขามีเงินทองและทรัพย์สินที่โอนมาจากต่างประเทศ สามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปทั้งหมดได้ และเขาเพิ่งซื้อคอนโดเพราะเตรียมที่จะมาอยู่ไทย ตอนนี้ก็โดนยึดหมด คิดว่าเป็นเรื่องของคดีที่เขาต้องพิสูจน์กับศาล ยืนยันว่าผมได้ติดต่อกับนายทุน มิน ลัต มาตลอดเพราะรู้จักกันมา 20 กว่าปี ยืนยันว่าไม่ได้ขายอาวุธเถื่อนและไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดแน่นอน แต่ไม่มั่นใจเรื่องความเชื่อมโยงระบบโอนเงิน”ส.ว.คนดังกล่าวระบุ

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา หรือยัง นายอุปกิต กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน เพราะเป็นเรื่องกระทันหัน และช่วงนี้ปิดสมัยประชุม ความจริงตนต้องไปต่างประเทศกับคณะกรรมาธิการ อย่างไรก็ตามตนพร้อมที่จะคุยกับทุกคน เพราะรู้จักตนดี ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร และไม่ได้กังวลใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้มาคุยกับสื่อมวลชน แต่ก็เห็นใจผู้ที่ถูกกล่าวหาควรจะได้รับความยุติธรรม

“ผมขอพูดเรื่องส่วนตัวนิดนึง ผมโดนว่ามาตลอดว่า ผมเป็นเหมือนกับเจ้าพ่อ ก็ไม่ทราบว่าทำไมต้องมาเขียนถึงผมตลอดเวลา ผมก็ผิดพลาดในชีวิตคู่บ้าง ขอถามจริงๆ ต้องซ้ำเติมมั๊ย แต่ผมก็ไม่เคยตอบโต้ เขาจะว่าอะไรก็ว่าไป และสื่อก็เขียนมาตลอด ทั้งที่น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ ก็หย่ากับผมไปนานแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วชีวิตเขา ก็คือชีวิตเขา ชีวิตผมก็คือชีวิตผม แม้กระทั่งเขา ผมก็ไม่เคยตอบโต้อะไรเลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว”นายอุปกิตกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img