“ชูศักดิ์” ชี้ศาล รธน. ตัดตอนระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 8 ปี “บิ๊กตู่” มีปัญหา เชิงเหตุผล ไม่รับฟังบันทึกกรธ.
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมการด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัยด้วยมติ 6 ต่อ 3 ว่าความเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่สิ้นสุดลง ว่าคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีปัญหาในเชิงเหตุผล ที่ตนเห็นว่าเป็นปัญหา ดังนี้ 1.พล.อ.ประยุทธ์ดํารงตําแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 อยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 เมื่อ 6 เม.ย.60 และเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวยาวต่อเนื่องไปจนมีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 62 การนับระยะเวลา 8 ปี ของการดํารงตําแหน่งนายกฯ ศาลรัฐธรรมนูญยอมรับว่าต้องนับตอนเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แต่ให้นับตั้งแต่ 6 เม.ย.60 เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญตัดตอนการดํารงตําแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เป็นสองส่วน คือก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ไม่นับระยะเวลาการดํารงตําแหน่งตามมาตรา 158 วรรค 4 แต่หลังรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ ให้นับระยะเวลาตามมาตรา 158 วรรคสี่ ทั้งๆ ที่เป็นพระบรมราชโองการฉบับเดียวกัน
2.การปฏิเสธไม่ยอมรับฟังบันทึกความเห็นของกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีความเห็นชัดเจนว่าต้องนับรวมระยะเวลาการดํารงตําแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ด้วย ซึ่งความเห็นดังกล่าวเป็นหลักฐานชัดเจน เป็นเอกสารราชการ ทําขึ้นตามกระบวนการของการยกร่างรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการจํากัดระยะเวลาการดํารงตําแหน่งของนายกฯ ไม่ให้เกิน 8 ปี เพื่อมิให้มีการผูกขาดอํานาจทางการเมืองยาวนานเกินไป ผลของการตีความเช่นนี้จะทําให้พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียวที่จะถูกบังคับเวลาตามรัฐธรรมนูญ 2560 แต่สวนทางกับข้อเท็จจริงที่สามารถดํารงตําแหน่งได้เกินกว่า 8 ปี
“ผลจากคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ในทางกฎหมายจะถือว่าเป็นที่สุดผูกพันทุกองค์กร แต่ผมเห็นว่ามีปัญหาในเชิงเหตุผล ขณะที่ความสง่างามของการดํารงตําแหน่งนายกฯ ซึ่งเป็นผู้นําฝ่ายบริหาร เป็นผู้ใช้อํานาจอธิปไตยหนึ่งในสามอํานาจ ย่อมเป็นปัญหา เพราะเห็นได้ว่ามีตุลาการถึงสามท่าน เกือบครึ่งหนึ่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เห็นว่าความเป็นนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ได้สิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.65” นายชูศักดิ์ กล่าว