“สุดารัตน์” นำพรรคไทยสร้างไทยเปิดนโยบายเศรษฐกิจ “สุพันธุ์” เสนอแพคเกจนโยบายแก้-เพิ่ม-สร้าง คือการแก้หนี้ เพิ่มเงินในกระเป๋า และสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่รร.ไฮแอท รีเจนซี่ บางกอก สุขุมวิท พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดนโยบายเศรษฐกิจพรรคทสท. หัวข้อ “ถึงเวลา…ปลดล็อกเศรษฐกิจ” โดยมีนายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรคร่วมงาน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า 30 ปีทำงานการเมืองมาไม่เคยเห็นประชาชนทุกข์ยากมากถึงเพียงนี้ ลงพื้นที่ประชาชนมาระบายความทุกข์ พี่น้องประชาชนไม่สามารถเดินต่อไปได้ โดยเฉพาะคนยากคนจน ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ซึ่งพรรคทสท.เห็นว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆได้ ถ้าไม่ปลดล็อคความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะการเมือง 2 ขั้วที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร จะ Reinventing ปลดล็อคเปลี่ยนประเทศเพื่อให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้ โดยการปลดล็อควิกฤตการเมือง สร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปลดล็อคการทุจริตคอรัปชั่นที่โกงกินบ้านเมืองมานาน ทั้งนี้ พรรคทสท.จะมุ่งส่งเสริม SMEs คนตัวเล็ก ที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศที่จะต้องได้รับการปลดล็อค และเป็นเป้าหมายของพรรค ที่จะส่งเสริมในทุกโอกาส เพื่อให้คนตัวเล็กเป็นคนตัวใหญ่ได้
ขณะที่นายโภคิน กล่าวว่า ปัจจุบันอำนาจนิยม ที่ไม่รับฟังเสียงประชาชน กติกาที่เป็นไปเพื่อคนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ เราจึงต้องสร้างรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน รวมถึงการปลดล็อคระบบรัฐราชการ ที่เป็นอุปสรรคในการทำมาหากิน และพรรคทสท.จึงมีเป้าหมายในการสร้างนโยบายให้พี่น้องประชาชนอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ตั้งแต่เกิดจนแก่ ดังนั้นเราต้องปลดปล่อยประชาชน Liberate และเพิ่มพลังให้กับประชาชน Empower พรรคทสท.จึงมีนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี หรือกองทุนคนตัวเล็ก เพื่อให้พี่น้องมีพลังและลุกขึ้นมาทำมาหากินได้อย่างเข้มแข็ง
ด้านน.ต.ศิธา กล่าวว่า ขอชื่นชมการต่อสู้ของนายสุพันธุ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ตั้งแต่เป็นคนตัวเล็กจนเติบโตขึ้นมามีฐานะทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งมั่นคง เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ไม่ต่างไปจากคนรุ่นใหม่ ดังนั้นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจึงเป็นตัวอย่างของคนที่สร้างงานด้วยตนเอง ถึงวันนี้ตัดสินใจเข้าสู่การเมืองร่วมกับพรรคทสท. ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ และจะเข้ามาช่วยสร้างพรรคทสท. ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ดูแลพี่น้องคนตัวเล็กต่อไป
ส่วนนายสุพันธุ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหา หลายประการตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เป็นเครื่องยนต์หลักสำคัญในการขับเคลื่อนทั้ง 4 ตัว คือ การส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุน และ การบริโภคภายในติดลบทุกตัว พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอแพคเกจนโยบาย แก้เพิ่ม สร้าง คือ การแก้หนี้ เพิ่มเงินในกระเป๋า และ สร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ เพื่อเป็นเครื่องมือใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ปัญหาหลักของประเทศตอนนี้ที่ต้องเร่งแก้คือปัญหาหนี้ โดยพรรคทสท.มีนโยบายสำคัญคือการแก้หนี้ โดยเปิดตัว 3 กองทุน คือ 1.กองทุนฟื้นฟูหนี้เสีย “ปลดล็อกเครดิตบูโรให้ประชาชน” ชี้ว่า หนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปีมีประมาณ 100,000 ล้านบาท แต่วันนี้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 500,000 ล้านบาท จึงต้องเร่งปลดล็อกเครดิตบูโร แก้ปัญหาดอกเบี้ย และ กู้อิสรภาพในการกู้เงิน 2. กองทุน SMEs เพื่อช่วยเหลือในการทำธุรกิจ ทั้งภาคท่องเที่ยว และ วิสาหกิจชุมชน และ 3. กองทุนเครดิตประชาชนเพื่อจะแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ให้ประชาชนสามารถผ่อนชำระได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนชำระรายวันได้
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า การเพิ่มเงินในกระเป๋า จะเน้นสิ่งที่ประเทศไทยมีจุดแข็ง พัฒนาต่อได้ ด้านแรกคือ ด้านการเกษตร และ อาหาร ที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต ระบบชลประทานที่จะต้องแก้ไข หาวัตถุดิบราคาถูก เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธ์ และมีการจับคู่เกษตรกรกับผู้รับซื้อผลผลิต การแบ่งโซนนิ่ง ต่อมาคือด้านสุขภาพและวิถีชีวิต ที่จะสนับสนุนให้ไทยเป็น Medical Hub ในทุกมิติ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน และ แพทย์ทางเลือก การผลิตเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง สมุนไพรไทย และ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความเป็น Universal Design มากขึ้น และสุดท้าย คือด้านการท่องเที่ยว ที่รัฐจะผลักดันการใช้งานแพลตฟอร์มของไทย เช่น Thai Guide หรือ ไทยเท่ ให้นักท่องเที่ยวจองที่พัก ร้านอาหาร การเดินทางได้ในราคาถูกกว่า ไม่ต้องพึ่งพาแอปของต่างชาติ รัฐโปรโมทให้ไม่ต้องเสียค่าโฆษณากับแอปพลิเคชั่นต่างชาติ
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนสุดท้ายคือการสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ หรือ New World Economy คือการแก้ปัญหาของใหม่ๆ ของโลกในปัจจุบันด้วยวิธีการใหม่ เช่นปัญหาความมั่นคงทางอาหารที่ไทยต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยการส่งเสิรมอาหาร 5 ด้าน ได้แก่อาหารเเสริมสุขภาพ อาหารทางการแพทย์ อาหารอินทรีย์ อาหารทางนวัตกรรม และอาหารสำหรับตลาดเฉพาะให้มากขึ้น นอกจากนั้น ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้สิทธิประโยชน์ใน BOI ลดหย่อนภาษีนักธุรกิจในประเทศ เพื่อที่จะแข่งขันกับทุนต่างชาติได้ และต้อง ปรับตัวชี้วัดและกฎเกณฑ์ต่างๆ ต้องมีการดู GDP ของ SMEs แยกออกมาอีกตัวหนึ่ง มีการดูหนี้ในระบบมาเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญเพิ่มขึ้นไปกว่าแค่ดู GDP ทั้งประเทศ สิ่งสำคัญทั้งในการค้าและการเมืองคือความเชื่อมั่น และวันนี้ตนเชื่อมั่นในพรรคทสท. และหวังว่าประชาชนคนตัวเล็กทั้งประเทศจะเชื่อมั่นพรรคทสท.ต่อไปด้วย.