สารวัตรต้น-ผู้พันปุ่น ประกาศ ยุทธการปราบยาเสพติด ขีดเส้นตาย 6 เดือนต้องหมดไป จี้รัฐเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัด แก้กฎหมายบังคับผู้เสพทุกคนต้องบำบัด แนะใช้โมเดลคลองเตย สร้างชุมชนเข้มแข็ง เป็นหูเป็นตาดูแลลูกหลาน ย้ำต้องให้โอกาส ผู้ผ่านการบำบัดมีงานมีรายได้
พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง ยุทธการในการปราบปรามยาเสพติด ของพรรคไทยสร้างไทย โดยระบุว่า ยาเสพติดทำลายองค์กร ทำลายประเทศชาติ ทำหลายลูกหลาน ในฐานะคนกีฬา ที่มีส่วนในการป้องกันปัญหายาเสพติดของพรรคไทยสร้างไทย จึงอยากเข้ามาช่วยแก้ปัญหายาเสพติด
ซึ่งตนมองว่า กระบวนการบำบัดผู้ติดยาเสพติดเป็นขั้นตอนที่สำคัญ จึงต้องทำอย่างจริงจัง
ต้องแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติด โดยเฉพาะผู้ครอบครองยาเสพติดและผู้เสพที่ไม่สมัครใจไปบำบัดไม่เข้าสู่กระบวนการบำบัดแล้วออกมา ทำให้เห็นภาพผู้เสพยาเสพติด ไปสร้างปัญหาให้ ครอบครัวชุมชน ไปถึงระดับประเทศ
ดังนั้นต้องแก้กฎหมายให้ผู้เสพทุกคน ต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัด ที่สำคัญทุกหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกัน แยกระดับของผู้เสพหรือผู้ป่วยเพื่อนำเข้าสู่การบำบัดให้มีประสิทธิภาพ
กลุ่มที่น่ากังวลคือกลุ่มผู้เสพที่ไม่เข้ากระบวนการบำบัด เนื่องจากมีช่องว่างทางกฎหมาย ที่ขึ้นศาลสั่งปรับและออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันส่งข้อมูลข่าวสาร มายังผู้สมัครของพรรคไทยสร้างไทย ที่พร้อมจะรับฟังปัญหา และหาช่องทางต่างๆเพื่อส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้ที่ติดยาเสพติด นอกจากนี้พรรคไทยสร้างไทย จะรณรงค์สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง โดยมีพี่น้องประชาชนเป็นหูเป็นตา ซึ่งมั่นใจว่าชุมชนจะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง และภายในเวลา 6 เดือน ยาเสพติดจะลดน้อยลง หรือหมดไปได้ในที่สุด
น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย เล่าถึงการทำงานในอดีต ตั้งแต่สมัยยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เขตคลองเตยว่า การปราบปราบการบังคับใช้กฎหมายรวมถึงการบำบัดในสมัยนั้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในขณะนั้นมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบงานเรื่องการป้องการ และการบำบัด รวมถึงตนเองทำหน้าที่ ส.ส.คลองเตย มีโอกาสได้ช่วยเหลือ โทรติดยาเสพติดไม่น้อย โดยเฉพาะการประสานนำส่งผู้เสพ ส่งบำบัดในโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง ซึ่งมีบทบาทในการเปลี่ยนผู้เสพยาเสพติดให้กลับมาเป็นคนดีคืนสู่สังคม ที่สำคัญผู้เสพต้องได้รับโอกาสให้มีงานมีรายได้ จึงจะอยู่ในสังคมได้ เช่นตนนำผู้ติดยาเสพติดในคลองเตย ที่ผ่านการบำบัดมาเป็นคนขับรถ เมื่อมีประสบการณ์จึงออกไปขับแท็กซี่ และในปัจจุบันสามารถมีอู่แท็กซี่เป็นของตนเองได้
ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยที่ติดยา ไม่วนเวียนกลับไปเป็นผู้เสพอีก สำหรับปัญหาดังกล่าว สะสมมานาน จนทำให้ราคายาเสพติดในปัจจุบันถูกลงมาก ไทยสร้างไทย จึงขออาสาเข้ามาดูแลสังคม โดยขอให้พี่น้องส่งข้อมูลปัญหาเข้ามาที่พรรคไทยสร้างไทย และผู้สมัครของพรรคไทยสร้างไทยได้ทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน เมื่อครั้งที่ตนเคยเป็น ส.ส.ในเขตคลองเตย มีปัญหายาเสพติดระดับรุนแรง แต่ความร่วมมือในชุมชน เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ปัญหาเบาบาง บ้าน วัด ชุมชน มีส่วนสำคัญ ซึ่งไทยสร้างไทยพร้อมขับเคลื่อนให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยนำทุกข้อเสนอไปสู่การปฏิบัติ เพื่อคืนลูกหลานสู่อ้อมอกของพ่อแม่อีกครั้ง