“จุรินทร์” ไม่หวั่นไหวคนปชป.ไหลออก ย้ำเป็นเรื่องปกติทุกพรรคการเมือง ลั่นมีคนใหม่เข้าร่วมอุดมการณ์เพียบ เหน็บพรรคใหม่ต้องมีอุดมการณ์ร่วมกัน ไม่ใช่นั้นกลายเป็นพรรคเฉพาะกิจ รวมคนทุกพรรค สุดท้ายไปไม่รอดปชช.ไม่สนับสนุน มีบทเรียนมาแล้ว
วันที่ 30 ต.ค.65 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของพรรคที่มีสมาชิกจำนวนหนึ่งลาออกไปว่า เมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งก็มีทั้งคนเข้า คนออกกันทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนเป็นข้อยกเว้น ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการเมือง หากเราติดตามการเมืองมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คิดว่าคนเข้าคนออก ไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ แต่หมายถึงทุกพรรค หากเราติดตามใกล้ชิด เราก็จะเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น เพราะบางครั้งมันมาจากหลายสาเหตุ เช่น บางพรรคมีผู้สมัครเกิน เพราะแต่ละเขตอาจตัดสินใจให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้แค่คนเดียว แต่ถ้ามีคนสนใจจะลง 2 คน 3 คน เพราะฉะนั้นคนที่พรรคตัดสินใจที่จะไม่เลือก ถ้าต้องการที่จะลงสมัครผู้แทน ก็ต้องไปหาพรรคการเมืองใหม่ อันนี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งของความจำเป็นที่ต้องการย้ายพรรค ปรากฏการณ์นี้ก็อาจจะเกิดขึ้นในบางพรรคที่มีกรณีอย่างนี้ หรือบางกรณี เมื่อถึงเวลาลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็อาจจะมีเงื่อนไข 1-2-3-4-5 แล้วบางพรรคการเมืองไม่สามารถสนองตอบความต้องการได้ หรือได้ไม่ครบถ้วน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งในการย้ายพรรค หรือบางครั้งอาจจะอยู่ในพรรคเดิม อาจจะถึงทางตันแล้ว ถ้าหากไปอยู่พรรคอื่น หรือไปอยู่พรรคใหม่อาจจะมีโอกาส หรือมีคนมาเสนอให้ ก็อาจจะเป็นเหตุผลในการตัดสินใจที่จะย้ายพรรค แต่ละสาเหตุก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละคน
นายจุรินทร์ กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์มีคนใหม่เดินเข้าพรรคก็เยอะ แต่คนที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน ตนก็ไม่สามารถจะไปตอบได้ว่าใครจะอยู่ ใครจะย้ายอย่างไร แต่ในการตั้งพรรคการเมืองนั้น ถ้านับหนึ่งตั้งพรรคเพื่อจะมาดูดคนจากพรรคโน้นพรรคนี้ไป แล้วไปตั้งเป็นพรรคการเมือง สุดท้ายพรรคการเมืองอย่างนี้ก็จะกลายเป็นพรรครวมพลคนย้ายพรรค ประวัติศาสตร์มันสอนเราว่ามันไม่ยั่งยืนหรอก สุดท้ายจะกลายเป็นพรรคเฉพาะกิจ เพราะว่าไปดูดรวมกันเฉพาะกิจ เพื่อสนับสนุน นาย ก. นาย ข. นาย ค. พอหมดภารกิจก็ยุบพรรค หรือไม่ก็ต้องเลิกราไปโดยปริยาย เพราะประชาชนไม่สนับสนุน แล้วสุดท้ายพรรคเหล่านั้นก็ล้มหายตายจากไป คิดว่าเราเห็นสิ่งเหล่านี้มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีต่อเนื่องกันมาในวงการการเมืองไทย คิดว่าประชาชนก็ได้เห็นบทเรียนกับสิ่งเหล่านี้มาแล้ว
“การตั้งพรรคการเมือง ควรจะเป็นเรื่องของการเอาคนที่ตั้งใจ และมีอุดมการณ์เดียวกันในการมาสร้างพรรคขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เป็นสถาบันทางการเมืองจริงๆ แต่ไม่ใช่ไปดูดพรรคโน้นมา 5 คน ดูดพรรคนี้มา 7 คน แล้วมารวมกันกลายเป็นพรรคเฉพาะกิจ เราก็เห็นอยู่แล้วว่าชะตากรรมพรรคการเมืองแบบนี้เป็นอย่างไร ประชาชนไม่ควรสนับสนุน เพราะเป็นเรื่องเฉพาะกิจจริงๆ เป็นเรื่องของการให้ความสำคัญกับตัวบุคคลมากกว่าความเป็นพรรคการเมือง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีคนที่ยังมั่นคงอยู่กับพรรคอีกจำนวนมาก และมาถึงวันนี้พรรคยังหายใจได้เต็มปอด เพราะยังมีออกซิเจนใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็มเป็นลำดับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยวานนี้ตนได้เปิดตัวผู้สมัครที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ยากสำหรับประชาธิปัตย์ แต่เราก็มีคนใหม่ๆ เข้าพรรคมาและพร้อมลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรค และมีศักยภาพ มีอุดมการณ์ มีความตั้งใจดี สิ่งเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่าคนเดินเข้าพรรคก็เยอะ แต่เที่ยวนี้ก็มั่นใจว่าเรามีโอกาสที่จะได้รับเสียงสนับสนุนจากพี่น้องชาวกทม.สำหรับในภาคใต้ทุกอย่างยังมั่นคงแข็งแรง ขณะนี้เราได้ตัวผู้สมัครเกือบจะครบหมดแล้วทั้ง 58 เขต และจะทยอยเปิดตัวไป ที่ชุมพร สงขลา กระบี่ และสุราษฎร์ธานีก็ได้เปิดตัวไปแล้ว และในวันที่ 12 พ.ย. นี้จะได้เปิดตัวผู้สมัครจังหวัดนครศรีธรรมราชครบทุกเขต รวมทั้งจะได้ทยอยเปิดตัวผู้สมัครที่ ภูเก็ต พังงา และจังหวัดชายแดนใต้ ต่อไป ส่วนจังหวัดพัทลุงก็มีผู้สมัครครบแล้ว ถือว่าภาคใต้ครบหมดแล้ว ซึ่งมีทั้งผู้แทนราษฎรปัจจุบัน อดีตผู้แทน และมีคนใหม่ๆ ที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรค ในภาคกลางก็เหมือนกัน เราก็มีผู้สมัครหลายจังหวัดที่มีศักยภาพ อย่างระยอง ก็ยังเป็นฐานเดิมที่แข็งแรงของประชาธิปัตย์ จังหวัดจันทบุรี เราก็มีผู้สมัครครบแล้วทั้ง 3 เขต เที่ยวนี้ก็มั่นใจว่าเรามีโอกาสสูงมากที่จะได้รับเลือกตั้ง ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดของเลขาธิการพรรค ตนก็มั่นใจว่าเที่ยวหน้าก็ยกทีม โดยเฉพาะในภาคเหนือ เรามี อดีตผู้แทนของพรรค 10 กว่าคน ที่พลาดการเลือกตั้งคราวที่แล้วยังอยู่กับเราเกือบจะเรียกว่าครบทุกคน และลงพื้นที่สม่ำเสมอ แล้วเราก็ได้คนใหม่ๆ เลือดใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็มหลายพื้นที่ พิจิตรเราก็เปิดตัวไปแล้ว นครสวรรค์ เราก็มีท่านสงกรานต์ จิตสุทธิภากร ซึ่งมีโอกาสได้ปักธงที่นครสวรรค์ ที่สุโขทัย เราก็มีท่านวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ท่านสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล จังหวัดตากก็ยังเป็นฐานสำคัญของประชาธิปัตย์ จังหวัดพิษณุโลกก็มีท่านจุติ ไกรฤกษ์ เป็นแม่ทัพนำเราไปสู่ความนิยมที่ดีขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า รวมทั้งขณะนี้หลายจังหวัดเราได้ผู้สมัครเกือบจะครบแล้ว