วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“พท.”รุมอัด“ประยุทธ์” ออกกฎอุ้มนายทุนผูกขาด“สุราพื้นบ้าน” ขวางชาวบ้าน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พท.”รุมอัด“ประยุทธ์” ออกกฎอุ้มนายทุนผูกขาด“สุราพื้นบ้าน” ขวางชาวบ้าน

“เพื่อไทย” รุมอัด “ประยุทธ์” ออกกฎกระทรวงอุ้มนายทุนผูกขาด “สุราพื้นบ้าน” “พิชัย” ซัดจำกัดการผูกขาดจะเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่-ประเทศพัฒนา อัดผูกขาดโรงกลั่นน้ำมันเอาเปรียบผู้บริโภค จี้เร่งจัดการราคาหน้าโรงกลั่น-ค่าการตลาด ราคาน้ำมันจากพืชพลังงาน “หมอกิตติศักดิ์” กระทุ้งรัฐบาลฟื้นเศรษฐกิจหลังน้ำลด “จุฑาพร” ห่วง 0 ดอกเบี้ยขาขึ้นกระทบปชช.

วันที่ 8 พ.ย.65 ที่พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน และรองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า น่าเสียดายที่สุราเสรีไม่ผ่านการโหวตในสภา โดยแพ้ไปเพียง 2 เสียงเท่านั้น ซึ่งหากผ่านได้จะทำให้จำกัดการผูกขาดของสุราในประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการกระจายรายได้ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยคิดเรื่องนี้แล้วตั้งแต่ปี 2546 ดังนั้นจึงหวังว่าในอนาคตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสุราเสรีนี้จะเกิดขึ้นได้จริง ในเรื่องของการผูกขาดนี้ประเทศไทยมีปัญหาการผูกขาดอย่างมาก ขนาดองค์กรระหว่างประเทศยังจัดอันดับประเทศไทยในลำดับท้ายๆ ที่มีการจัดการการผูกขาดได้ย่ำแย่ ดังนั้นจึงต้องหาทางจำกัดการผูกขาดในทุกด้านเพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่สามารถพัฒนาตนเองขึ้นมาได้ อีกทั้งยังจะทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นไปได้ เมื่อมีการแข่งขันที่แท้จริง

นายพิชีย กล่าวว่า อยากให้มีการจำกัดการผูกขาดในการผลิตน้ำมันและกลั่นน้ำมันในประเทศไทย เพราะมีปัญหามาตลอด เพราะโรงกลั่น 6 โรงใน 7 โรงกลั่น เป็นของ บมจ. ปตท. ซึ่งคุมปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นแล้วเกือบทั้งหมด ทำให้มีปัญหาราคาโครงสร้างราคาน้ำมันที่เป็นปัญหาดังนี้ 1. ราคาหน้าโรงกลั่นจะต้องเท่ากันสิงคโปร์ โดยไม่บวกค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าระเหย ที่ไม่มีจริง เพื่อไม่ให้เอาเปรียบประชาชน โดยราคาขายในประเทศจะต้องเท่ากับราคาส่งออก เพราะ บริษัทในเครือ บมจ. ปตท. ขยายการกลั่นเพื่อการส่งออก แสดงว่าราคาส่งออกก็กำไรอยู่แล้ว จะมาบวกเพิ่มไม่สมควร 2. ค่าการตลาดควรจะถูกจำกัดที่ลิตรละ 1.40 บาท ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ อย่าปล่อยให้ราคาค่าการตลาดพุ่งสูงแบบไม่สมเหตุผล 3. ราคาส่วนผสมของน้ำมันที่ผลิตจากพืชพลังงานทั้ง เอทานอล และ น้ำมันปาล์ม ควรมีราคาที่เป็นธรรมไม่สูงกว่าราคาน้ำมันที่ไปผสมมากนัก หากราคาต่างกันมากควรลดราคาหรือ ไม่ก็ต้องลดการผสม เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน

“นอกจากนี้ ยังมีปัญหาของกองทุนน้ำมัน ที่ยังติดลบกว่าแสนล้านบาท โดยมีการนำกองทุนน้ำมันไปสนับสนุนราคาก๊าซหุงต้มจำนวนหลายหมื่นล้านบาท และมีการนำเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโอนเข้ารัฐไป 20,087.43 หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้คืนมา อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าการผูกขาดจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์อย่างมาก และต้องจำกัดการผูกขาดให้น้อยที่สุด เพื่อให้มีการแข่งขันซึ่งจะเป็นประโยขน์กับประชาชนทั้งประเทศและเปิดให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้เติบโตขึ้น”นายพิชัย กล่าว

ด้านนพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.มหาสารคาม คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าปัญหาต่างๆ ทุกวันนี้รุมเร้าทำให้ประชาชนอ่อนแอเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วม ปัญหาเศรษฐกิจ น้ำมันปรับเพิ่มราคาขึ้นทุกวัน แต่รายได้นั้นคงที่ จึงอยากให้รัฐบาลเร่งทำงานแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชนมากขึ้นกว่านี้ ช่องทางการหารายได้ให้ประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข นโยบายหรือแนวทางการทำงานที่พรรค ไทยรักไทย พลังประชาชนที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหา ทำให้ประชาชนมีรอยยิ้มรัฐบาลก็ควรที่จะนำมาใช้ในการบริหารประเทศ ดีกว่าการออกนโยบายกฎกระทรวงขายที่ดินให้ต่างชาติ การกระตุ้นและการพัฒนาเศรษฐกิจให้ประเทศมีความมั่นคงนั้น คือการพัฒนาฐานรากของประเทศให้มีความแข็งแรง การพัฒนาส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่รัฐบาลไทยรักไทยทำไว้แต่เดิมนั้นเป็นการกระตุ้นแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจจากรากหญ้าสู่ยอดไผ่ ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจดี ประเทศชาติก็แข็งแรง อย่างเช่น พ.ร.บ.สุรา รัฐบาลควรส่งเสริมสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นในด้านนี้ มากกว่า การผูกขาดเพื่อเอื้อกลุ่มทุนใหญ่เท่านั้น

นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อปี 2544 รัฐบาลท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตร ได้มีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน หนึ่งในนั้นคือการส่งเสริมให้มีการผลิตสุราแช่ชนิดสุราผลไม้ สุราแช่พื้นเมือง และ สุรากลั่น ซึ่งล้วนแต่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยที่มีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ จำหน่ายสุราพื้นเมือง ส่งผลให้มีโรงงานสุราเกิดขึ้นจานวนมากในชุมชนต่างๆ หากนโยบายสุราหมักแช่เสรีนี้ไม่ถูกขัดขวาง ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายย่อย สามารถผลิตและอุตสาหกรรมการผลิตสุราอาจได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สร้างผู้ประกอบการรายย่อยให้แข็งแรง ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมสุรา เพราะมีพื้นฐานจากการเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีผลผลิตทางการเกษตรหลากหลาย ทั้งผลไม้นานาชนิด มีวัตถุดิบนำ้ตาลหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบในการผลิตสุราที่ดีแทบทั้งสิ้น ทั้งนี้ยังไม่รวมภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยในการผลิตสุรา หากอุตสาหกรรมสุราได้รับการสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม การขยายไปสู่อุตสาหกรรมสุราอื่นๆ นี่คือเพียงหนึ่งนโยบายพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลนายกฯทักษิณได้ทำไว้ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศในขณะนั้น มีความแข็งแรง ดังนั้น การพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงแข็งแรงอย่างแท้จริง จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้มีความแข็งแรงจากภายใน ดีกว่าการอาศัยเพียงทุนและกำลังจากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภายนอกประเทศ จึงขอให้รัฐบาลเร่งรัดการชดเชยช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการชดเชยด้านที่อยู่อาศัย และด้านการเกษตร เพราะเมื่อน้ำลดในระดับที่สามารถเพาะปลูกได้ประชาชนก็จะลงมือทำการเกษตรในทันที เงินชดเชยนี้ก็จะได้ทันต่อการเป็นทุนในการเพาะปลูกหลังน้ำลด ที่สาคัญขอให้รัฐบาลชดเชยให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย ประชาชนจะได้ไม่ลำบากจนเกินไป

ขณะที่น.ส.จุฑาพร เกตุราทร โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ได้ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้คาดหมายไว้แล้ว ทำให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐปัจจุบันสูงถึง 3.75% ถึง 4.00% ซึ่งห่างกับอัตราดอกเบี้ยของไทยที่อยู่ระดับที่ 1 % ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนลง และ ค่าเงินบาทอาจจะอ่อนลงอีก และในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยกนง. น่าจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งจะเพิ่มภาระให้กับประชาชนมากขึ้น อีกทั้งเรื่องที่น่าห่วง คือปริมาณเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่น่าจะลดลงอีก หลังจากที่ลดต่ำมาอยูุ่ต่ำกว่า 2 แสนล้านเหรียญแล้ว ซึ่งหากลดลงมาก อาจส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินการคลังของประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตามมีการคาดกันว่าสหรัฐคงไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงแล้ว ถ้าจะขึ้นอีกคราวหน้า น่าจะขึ้นในปริมาณที่ลดลง ทั้งนี้คงต้องขึ้นกับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนตุลาคมที่คงจะประกาศในอีกไม่กี่วันนี้

น.ส.จุฑาพร กล่าวว่า ผิดหวังที่กฎหมายสุราเสรีถูกตีตกในสภา และรัฐบาลชิงออกกฎกระทรวงที่มีความหมายคล้ายคลึงกันตัดหน้าเพียง 1 วัน แม้จะมีการปลดล๊อคเพิ่มเติมในเรื่องของทุนจดทะเบียน และกำลังการผลิต แต่กลับกำหนดเงื่อนไขต่างๆไว้มากมายที่ประชาชนไม่อาจทำได้ในทางปฏิบัติจริง แสดงให้เห็นว่าโดยแท้จริงแล้ว รัฐบาลนี้ต้องการจะคุ้มครองปกป้องกลุ่มทุนรายใหญ่มากกว่าผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย และประชาชนทั่วไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมไม่อาจยอมรับได้ เพราะการปล่อยให้นายทุนรายใหญ่ผูกขาดหลายธุรกิจรวมถึงธุรกิจสุรา ทำให้มีคนรวยมากเพียงไม่กี่ราย ผู้บริโภคไม่มีสิทธิ์เลือกสินค้า อีกทั้งสุราพื้นบ้านเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบสานกันมายาวนาน การส่งเสริมให้ผลิตได้อย่างเสรี เป็นการส่งเสริมศักยภาพคนไทย ต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรที่อาจสูญเปล่าหากไม่แปรรูป สร้างรายได้ให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img