“อนุทิน”ควง“ศักดิ์สยาม”ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า แจงแค่พามารับพร“วันเกิด”จากนายกฯ

‘อนุทิน-ศักดิ์สยาม’ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า แจงแค่พา‘เสี่ยโอ๋’รับพรวันเกิดจากนายกฯเชื่อ ‘2 ป.’ ไม่แตก ยกความผูกพัน 40-50ปี เหนือสิ่งอื่นใด แค่แยกกันเดิน ร่วมกันตี

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า

ทั้งนี้ นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าพบว่า วันนี้ (9 พ.ย.) เป็นวันคล้ายเกิดปีที่ 60 ปีของนายศักดิ์สยาม ตนจึงพานายศักดิ์สยามไปขอพบนายกรัฐมนตรี เพื่อขอพร ซึ่งนายกฯให้พรแก่ตนและนายศักดิ์สยามให้มีสุขภาพแข็งแรง รวมถึงขอให้ช่วยกันทำงานให้บ้านเมือง

เมื่อถามว่าได้หารือกับนายกฯ ถึงทิศทางการเมืองในอนาคตด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คุยกัน ซึ่งนายกฯถามว่าใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรคภูมิใจไทยได้เตรียมความพร้อมหรือไม่ ซึ่งตนได้บอกนายกฯว่าพรรคภูมิใจไทยได้เตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่รัฐบาลเข้าสู่ปีที่ 4 เมื่อถามอีกว่านายอนุทินได้สอบถามกับนายกฯ ว่าได้เตรียมอนาคตทางการเมืองของตัวเองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่กล้าถาม ท่านไม่ได้พูดเรื่องของท่าน”

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯได้พูดถึงทิศทางการเมืองอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ก็บอกให้ทำงานกันไป พร้อมสอบถามว่ามีปัญหาอะไรกันหรือไม่ และท่านสอบถามว่าปัญหาที่เป็นข่าวเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็ยืนยันกับนายกฯว่าเป็นความเห็นที่แตกต่าง สุดท้ายเป็นเรื่องของสภาฯ อย่างเช่นร่างกฎหมายกัญชาที่มีการพิจารณากันอยู่ ซึ่งเราต้องรับฟังฝ่ายที่เห็นต่าง เชื่อว่ากรรมาธิการจะรับฟังและนำไปแก้ไขปรับปรุง ก็ยืนยันท่านไปว่าไม่มีปัญหา ไม่ทําให้รัฐบาลท่านมีอุปสรรค

เมื่อถามว่าในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ หากท่านไปต่อ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องผ่านการเลือกตั้งไปก่อน เราไม่สามารถพูดอะไรก่อนการเลือกตั้งได้ คนที่ตัดสินใจอนาคตของนักการเมืองหรือทิศทางทางการเมือง คือประชาชน และเรากําลังจะมีการเลือกตั้งไม่เกิน 6-8 เดือนข้างหน้านี้ เพราะฉะนั้นเราต้องฟังเสียงของประชาชน หลังการเลือกตั้งเราจะเห็นทิศทางที่ชัดเจน

เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ย้ายไปนั่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะถือเป็นผลดีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนว่าดี สำหรับผู้ที่เป็นนักการเมือง ยกตัวอย่างเช่นตนตอนที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ก็เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน พอมาเป็น ส.ส. ก็จะเป็นฐานการเมืองที่แน่นหนา

“ท่านนายกฯก็เช่นกัน ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมาถึง 7-8 ปีแล้ว ถ้าท่านเข้าไปในระบบพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือผู้บริหารพรรคการเมือง ก็ยิ่งทำให้ท่านมีฐานการเมืองที่แน่นหนา และมีความสมบูรณ์ และการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่การเปลี่ยนถ่ายจากสมัยคราวที่แล้ว ที่มีคสช. มีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ อะไรต่างๆนานา ซึ่งเลือกตั้งครั้งหน้าเหลือแค่ส.ว.ซึ่งอีก 2 ปี ก็จบ”นายอนุทิน กล่าว

ต่อข้อถามว่าการที่ระบุว่าอยากให้นายกฯเข้าสู่ระบบการเมืองนั้น แสดงว่าคาดหวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นแค่แคนดิเดตนายกฯใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ให้ไปถามนายกฯ เมื่อถามว่าเมื่อดูสถานการณ์ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะแยกทางกันเดินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย พรรคใครพรรคมัน

เมื่อถามว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ ไม่จับมือกัน พรรคภูมิใจไทยจะเลือกข้างไหน นายอนุทิน กล่าวว่า ให้การเลือกตั้งเสร็จก่อน มีผลการเลือกตั้งออกมาก่อน โดยเราไม่ได้เป็นคนพูดยาก อะไรที่ดีกับบ้านเมืองก็เอาหมด ต่อข้อถามว่าที่ร่วมทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร คิดว่าถ้าแยกกันจริง จะไปรอดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ถ้าเป็นแบบแยกกันเดิน ร่วมกันตี ก็ไม่เป็นไร ” เมื่อถามยํ้าว่าถ้าทั้งคู่แยกกันเด็ดขาด จะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า “คงไม่มั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร คบกันมา 40-50 ปี ความผูกพันมันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯได้ส่งสัญญาณปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ลืมถาม เพราะ ภท.ไม่ได้ขอให้มีการปรับ ต่อให้ถามไปก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา เพราะขณะนี้ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ยังเป็นรมช.ศึกษาธิการ แต่หยุดปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ซึ่งพรรคภูมิใจไทยก็มีประเพณี และวิธีการปฏิบัติในเรื่องระบบพรรค ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทย