“วันชัย” ชี้ส.ส.ย้ายพรรคเป็นภาพลวงตาทางการเมือง ใครจะเป็นนายกฯต้องมีเสียงส.ส.-สว.เกินกึ่งหนึ่ง ย้ำสถานการณ์เปลี่ยน เสียงสว.ส่อถูกแบ่งไม่เหมือนเดิมขอฟังประชาชนลงคะแนนเลือกใคร
วันที่ 13 พ.ย.65 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความในเพจ เฟซบุ๊คทนายวัน สอนศิริ เรื่อง “เมื่อส.ส.ถูกแย่ง ส.ว.ก็ถูกแบ่ง” ดังนี้ เมื่อส.ส.ถูกแย่ง สว.ก็จะถูกแบ่งการเมืองตอนนี้ต้องถือว่าเป็นโค้งสุดท้าย ใครจะอยู่พรรคไหน ใครจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ต้องเก็งสถานการณ์ ประเมินเสียง ประเมินกำลังกันให้ดี ที่เห็นว่าคนนั้นจะเข้าพรรคนั้นพรรคนี้ ถึงเวลาจริงๆ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ พวกประเภทซุ่มเงียบและรอเสียบในตอนท้ายก็ยังมีอยู่อีกมาก
อย่างที่รู้กันอยู่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ว่ารัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้อยู่ที่เสียงของส.ส.เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรเป็นสำคัญ กระบวนการย้ายพรรคจึงเป็นเรื่องของการจัดทัพของการที่จะดำรงอยู่เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วเท่านั้น แต่การที่จะเข้าเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐบาลได้ต้องใช้เสียงของทั้งส.ส.และสว.เกินครึ่งของรัฐสภาคือ 375 เสียงขึ้นไป
ดังนั้นปรากฏการณ์ของส.ส.ย้ายพรรคจึงเป็นภาพลวงตาทางการเมืองในเบื้องต้น แต่ฉากหลังของการที่จะเข้าเป็นรัฐบาลได้นั้น ส.ว.250 ยังมีส่วนสำคัญในการโหวตนายกฯตามรัฐธรรมนูญครั้งหน้านี้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อส.ส.ถูกแย่งแบ่งพรรค วันนั้นสว.จะไม่ถูกแบ่งหรือ… และสถานการณ์ของการโหวตนายกฯคราวหน้าคงไม่เหมือนสถานการณ์ในครั้งที่ผ่านมา ความเป็นปึกแผ่นแน่นหนา พลังบารมีของผู้มีอำนาจแต่ละคนก็ไม่เหมือนเก่า ที่มาที่ไปของสว.แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
ที่ส.ส.กำลังย้ายพรรคกันอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันทั้งนั้น แม้จะมีพรรคใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติก็หน้าเก่าเหล้าขวดเดียวกัน ที่จะหนักหนาสาหัสหน่อยก็ประชาธิปัตย์ แต่ที่พองโตก็ภูมิใจไทย ไหลไปไหลมาก็พวกเดียวกันทั้งนั้น ซึ่งจะทำให้ทั้งพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์และรวมไทยสร้างชาติ แบ่งกันแยกกันแล้วเล็กลง ไม่มีพลังเหมือนเก่า ยิ่งผู้มีอำนาจแตกกันแล้วแยกกันเดินจริงๆดังที่ปรากฏเป็นข่าวยิ่งจะไปกันใหญ่
เมื่อส.ส.ถูกแย่ง สว.ก็คงถูกแบ่ง ส่วนใครจะได้เป็นรัฐบาลจริงหรือไม่ คงไม่ได้อยู่ที่บารมีหรืออำนาจของใครมากกว่าใคร เพราะอำนาจวันนั้นเกิดขึ้นจากการโหวตของประชาชน และสว.ก็คงต้องฟังเสียงของประชาชนเป็นสำคัญเช่นกัน