“ธนาธร” ชง 3 ปมแก้รธน.ปลดล็อคกระจายอำนาจท้องถิ่น วอนรัฐสภาสนับสนุน ด้าน “ปิยุบตร” มั่นใจทุจริตน้อยลงแน่
วันที่ 29 พ.ย. 65 ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า และน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ในฐานะตัวแทนของประชาชนผู้เข้าชื่อเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกันแถลงข่าวก่อนที่ที่ประชุมรัฐสภาจะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. … เกี่ยวกับการปลดล็อคกระจายอำนาจท้องถิ่น ว่า ดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสนอปลดล็อคท้องถิ่น คาดว่าการพิจารณาจะเข้าสู่การพิจารณาไม่ช่วงเย็นของวันนี้(29 พ.ย.) ก็เป็นวันที่ 30 พ.ย. พวกเราหวังว่าทุกท่านจะเห็นถึงความสำคัญของการกระจายอำนาจ ยุติการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง พวกเราตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านไปได้
นายธนาธร กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เสนอปลดล็อค 3 เรื่อง 1.การจัดสรรภาษีให้เป็นธรรม โดยกำหนดส่วนแบ่งภาษีให้เป็น 50 ต่อ 50 ส่วนกลางครึ่งหนึ่งและท้องถิ่นอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณดูแลอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ขยะ ศูนย์เด็กเล็ก ส่วนท้องถิ่นจะได้ไม่ต้องวิ่งของงบประมาณจากส่วนกลาง 2.เรื่องอำนาจทุกวันนี้มีคำสั่ง ประกาศกระทรวง และกฎหมายที่ออกจากส่วนกลางจำนวนมากโดยไม่ไว้ใจท้องถิ่น ไม่เปิดโอกาสให้ทำบริการสาธารณะออกแบบความต้องการการพัฒนาชุมชนตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านจะทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการบริการสาธารณะของตัวเอง และ3.ในร่างฉบับนี้จะเปิดให้จัดทำประชามติเพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้หาฉันทามติร่วมกันว่า ราชการส่วนภูมิภาคยังจำเป็นอยู่หรือไม่ ซึ่งจะเป็นการปรับปรุงราชการแผ่นดินครั้งใหญ่ของไทย หวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกคนจะให้ความเห็นชอบกับการแก้ไขครั้งนี้ ขอให้ลงมติผ่านวาระที่ 1ไปก่อน แล้วหากไม่เห็นด้วยในประเด็นใดสามารถไปพูดคุยรายละเอียดได้ในวาระที่ 2 และถ้าไม่เห็นด้วยจริงๆก็ค่อยตีตกในวาระที่3ได้
เมื่อถามว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่าน เตรียมแผนไว้อย่างไรบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ยืนยันจะเดินหน้าต่อเพราะพรรคก้าวไกลได้แถลงนโยบายการหาเสียงเรื่องการกระจายอำนาจไปแล้ว
เมื่อถามถึงความกังวลเมื่อกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นสำเร็จจะทำให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น นายปิยบุตร กล่าวว่า ตัวอย่างการกระจายอำนาจที่ดีคือประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งตอนแรกก็มีความกังวลในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ปรากฏว่าเมื่อกระจายอำนาจแล้ว การทุจริตลดน้อยถอยลงไป ขอยืนยันสบายใจได้ มีงานวิจัยว่าการกระจายอำนาจไม่ใช่การกระจายการทุจริตคอรัปชั่น