วันอาทิตย์, กันยายน 29, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight‘มั่นคง’ไม่เชื่อฝ่ายตรงข้ามจะเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘มั่นคง’ไม่เชื่อฝ่ายตรงข้ามจะเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน

“ฝ่ายความมั่นคง” ประเมินกลุ่มคนเห็นต่าง ยังเดินหน้าปลุกปั่นให้คนในประเทศเกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องต่อรัฐบาล และโจมตีสถาบัน เชื่อฝ่ายตรงข้ามไม่มีพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน 

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง กล่าวกับ The Key News ว่า จากการติดตามสถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคง พบว่า พรรคฝ่ายค้านยังคงมุ่งกล่าวโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยหยิบยกเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับสังคมมาเป็นประเด็นสร้างแรงเสียดทาน เช่นเดียวกับบุคคลที่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในเชิงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไปในด้านลบ เพื่อหวังให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดจนกลายมาเป็นแรงกดดันต่อต้านทางการเมืองแก่รัฐบาล

ส่วนการเคลื่อนไหวของ กลุ่มเห็นต่าง เห็นได้ชัดว่ามีความพยายามที่จะปลุกระดมมวลชนให้กลับมาต่อต้านรัฐบาลมากขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมชุมนุมที่จะมีขึ้น ที่ทําเนียบรัฐบาล ในวันที่ 26 ม.ค.64 ยังคงมีลักษณะและเนื้อหาที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันอย่างเปิดเผย 

“ช่วงที่ผ่านมา และจากนี้ต่อไป เชื่อว่ากองทัพโซเชี่ยลของกลุ่มผู้ชุมนุม จะเดินหน้าปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องต่อรัฐบาล และโจมตีสถาบัน ต่อเนื่องซ้ำ ๆ ต่อไป ด้วยข้อมูลเป็นเท็จ หรือข้อมูลความจริงที่ไม่ครบ ให้สอดคล้องเป็นแนวร่วมกับกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน โดยปรับกระบวนการใช้วิธีใหม่ มิให้เพลี่ยงพล้ำเหมือนที่ผ่านมา กิจกรรมแสดงสัญลักษณ์ย่อย ๆ แบบพร้อมพรึบ เพื่อด้อยค่ารัฐบาลและสถาบัน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคง ยังไม่เชื่อว่าจะได้ผลมากนัก และไม่มีพลังเพียงพอที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน กิจกรรมที่ดำเนินการดูเหมือนประชาชนส่วนใหญ่กำลังรู้สึกถึงความน่ารังเกียจ น่าเบื่อหน่าย และเป็นภาระทางสังคม ที่ไม่ก่อประโยชน์ให้เกิดแก่ส่วนรวม มีแต่จะได้ประโยชน์ทางการเมืองแก่ฝ่ายตนเท่านั้น” แหล่งข่าวคนเดิม กล่าว

ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง นอกจากจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังอยากขอให้ประชาชาชนทั่วไปเสพสื่อโซเชี่ยล ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ประสงค์ร้ายต่อชาติบ้านเมือง แต่ให้หันมาร่วมแรงร่วมใจกันก้าวข้ามผ่านสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอยไปให้ได้ เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โรคร้ายคลี่คลาย สามารถดำเนินการได้อย่างมีเอกภาพ และประสบความสำเร็จกันทั่วหน้า. 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img