“จุรินทร์” ชี้ “บิ๊กตู่” เป็นสมาชิกพรรค รทสช. ทำสถานภาพการเมืองเปลี่ยน ต้องทำหน้าที่ระมัดระวัง มองการเมืองเข้มข้น เพราะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว หลังนำคณะ “จุรินทร์ออนทัวร์” เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่โรงเรียนอ่าวกะพ้อ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา ถึงความเข้มข้นของสถานการณ์การเมืองต่อจากนี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความชัดเจนแล้วว่าจะไปร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่ามันเข้มข้นโดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว เพราะว่ากำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ไกลสุดก็สภาหมดวาระวันที่ 23-24 มี.ค. ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว แต่กรณีท่านนายกฯ ที่จะไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ก็เป็นกรณีที่เหมือนกับการเปลี่ยนสถานภาพของตัวท่านนายกฯ เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่า ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่มาในฐานะของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้าไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง สถานภาพก็อาจจะเปลี่ยนไปบ้าง เปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่เดิม ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่มันจะเกิดขึ้น
ส่วนผลจะเป็นอย่างไร จะมีความเห็นอะไรตามมาอย่างไรนั้น ตนไม่สามารถคาดคะเนได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พอเห็นภาพก็คือ ท่านก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีอย่างระมัดระวังขึ้น เพราะถ้าท่านสมัครสมาชิกพรรคเมื่อไหร่ ก็เท่ากับมีพรรคการเมืองสังกัด ที่มีความชัดเจนแล้วในทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ จากการที่ก่อนหน้านี้มีการตั้งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกฯ ด้วย ซึ่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบว่าได้เปรียบ เสียเปรียบอย่างไร แต่ว่าขอให้เป็นหน้าที่สังคมที่จะมีความเห็น หรือถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์ก็ให้เป็นหน้าที่สังคม ส่วนตนไม่ขอวิจารณ์อะไรในส่วนนี้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ก็จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นภายหลังเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์จะมีจุดยืนอย่างไร นายจุรินทร์ตอบว่า ประชาธิปัตย์ก็ชัดเจนว่า ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินก่อน ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไร แล้วก็ถือหลักระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา เป็นหลักที่เรายืนหยัดมาตลอด ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั่นคือ ใครรวมเสียงข้างมากได้คนนั้นก็เป็นรัฐบาล เสียงข้างน้อยก็ไปเป็นฝ่ายค้าน
ส่วนที่ถามถึง โอกาสที่พรรคร่วมเดิมจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในขั้วเดิมนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนคงตอบล่วงหน้าไปไม่ได้ เพราะประชาชนต้องตอบก่อน เราไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร พรรคการเมืองไหนได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร แล้วถ้าจะไปแบ่งขั้วนั้น มีกี่ขั้ว ขั้วไหนได้เท่าไหร่ อันนั้นขึ้นอยู่กับการรวมเสียงตอนจัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้ก็คงแค่คาดเดากันไป แต่ข้อเท็จจริงต้องเกิดขึ้นตอนนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีกำชับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมประชุมสภา ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ก็ระบุว่าได้กำชับในฟากส่วนการเมืองไปแล้ว สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้เราคุยกันตลอดในที่ประชุม ส.ส. ก็มีการพูดกันในเรื่องการที่จะต้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง ซึ่งคณะวิปของพรรค นำโดยประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุญญเกียรติ ก็ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ที่วันนี้เกือบจะเรียกว่ามีบทบาทเด่นในวิปของรัฐบาลคนหนึ่ง ที่เข้าไปช่วยคลี่คลายปัญหา แก้สถานการณ์หลายเรื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักของวิปรัฐบาลคนหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ ประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ของเราอย่างสมบูรณ์ ตนกล้ายืนยันในเรื่องนี้ ทั้งในส่วนของการทำหน้าที่ในวิปรัฐบาล และเรื่องการเข้าร่วมประชุม