“หมอนิด” ทำนายดวงเมืองปีกระต่าย “เผาไม่เหลือกระดูกให้ลอยอังคาร” ชี้เศรษฐกิจย่ำแย่หนักกว่าปี 65 ใครมาเป็นนายกฯก็กู้เศรษฐกิจใฟ้ฟื้นไม่ได้ ส่วนเลือกตั้งปีนี้มี “กล้วย” แจกกัน 3 ทาง “ภท.” เนื้อหอมสุด นั่งบนภูดูหมาแย่งกระดูกกัน ชี้ชัดถ้า “พท.” จับมือ “กก.” มีปฏิวัติแน่
เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2566 “หมอนิด-กิจจา ทวีกุลกิจ” โหรชื่อดังจากการทำนายเรื่องการปฏิวัติ ปี 2549 อย่างแม่นยำ แสดงความเห็นถึงสถานการณ์การเมืองปี 2566 ผ่านเฟซบุ๊ก หมอนิด KITJA ระบุว่า…ดวงเมืองปี พ.ศ.2566 เผาไม่เหลือกระดูกให้ลอยอังคาร
ขอให้ทุกท่านระวังพิษเศรษฐกิจปี พ.ศ.2566 ให้มากเป็นพิเศษ เพราะจะย่ำแย่กว่าปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา บางบริษัท และบางโรงงานถ้าไม่ปิดตัวลง ก็อาจจะมีการปลดจำนวนคนงานออกอีกละรอก แม้แต่ธนาคารหลายธนาคารก็ได้รับผลกระทบ คนที่ทำงานธนาคารคงต้องลุ้นว่าจะได้อยู่ต่อ หรือจะถูกเชิญออก การส่งออกจะได้รับกระทบมากพอสมควร ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซจะทะยานขึ้นอีกรอบ คนไทยอาจจะต้องใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 37-39 บาท ซึ่งจะมีผลกระทบกับสายการบินที่อาจจะต้องปรับราคาค่าตั๋วเพิ่ม และโรงแรมต่างๆ ก็จะได้รับผลกระทบเพราะค่าไฟฟ้าขึ้นราคา สินค้าอุปโภคบริโภคจะขึ้นราคาอีกรอบ
ใครที่ซื้อทองคำแท่งไว้จะโชคดี เพราะมีแนวโน้มว่าราคาทองคำยังจะขึ้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง บริษัทหรือโรงงานไหนที่อาศัยการส่งออกสินค้าไปยังประเทศยุโรปและประเทศแถบตะวันตก จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก รวมทั้งประเทศแถบเอเชียก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรการค้าในประเทศก็ยังไม่ฟื้นจริง จะมีดีก็เพียงบางจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้นที่ยังพออยู่ได้ คนที่มีภาระผ่อนบ้าน-คอนโด หรือรถยนต์ จะต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้ง คาดว่าจะมีบ้าน คอนโด หรือรถยนต์จะถูกยึดอีกจำนวนหนึ่ง หมู่บ้านจัดสรร คอนโดที่สร้างใหม่จะขายอืดเป็นเรือเกลือ ถ้าทุนไม่หนาจริงจะทนอยู่ไม่ได้ ชั่วโมงนี้ต้องหากินกับพวกเศรษฐีคนมีเงินเท่านั้น จึงจะอยู่รอด
หลายปีที่ผ่านมา เชื้อโควิดระบาดหนัก ทำให้ต้องปิดประเทศ ปิดสถานที่หลายแห่ง พ่อค้าแม่ค้าและนักธุรกิจจำนวนมากต่างได้ผลกระทบอย่างรุนแรง หลายร้านหลายอาชีพรวมทั้งโรงแรม สายการบิน รถเช่า ไม่ได้ตายเพราะโรคโควิด แต่ตายสนิทเพราะปิดประเทศและสถานที่หลายแห่ง ถึงแม้ว่าท่านนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเปิดประเทศแล้ว แต่เชื่อว่าเจ้าเชื้อโควิดยังระบาดหนัก ซึ่งคาดว่าทางรัฐบาลคงไม่แจ้งยอดผู้ติดเชื้อโควิดตามความเป็นจริง ยิ่งประเทศจีนเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวประเทศจีนคงจะมาเที่ยวประเทศไทย และประเทศต่างๆ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศอื่นๆ มากขึ้น แต่เชื่อว่าคนจีนยังมีผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนมาก ซึ่งอาจนำเชื้อโควิดเข้ามาแพร่ระบาดไปตามประเทศต่างๆ ที่คนจีนไปเที่ยว จึงขอให้ทุกคนระวังป้องกันตัวเองให้ดีๆ โดยเฉพาะพนักงานที่ต้องใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ถ้ายังไม่สามารถค้นพบวัคซีนหรือยาที่สามารถจัดการกับเชื้อโควิดได้อยู่หมัด ก็ยังน่าเป็นห่วงกับเชื้อโควิดที่จะอยู่ต่อไปอีกนาน
ภาพรวมในปี พ.ศ.2566 เศรษฐกิจยังย่ำแย่ ไม่ใช่แย่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น มันย่ำแย่ลามไปทุกประเทศทั่วโลก…ถ้าเกิดสงครามปะทุขึ้นมาอีกละรอก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าประเทศจีนทำสงครามกับประเทศอื่น หรือประเทศเกาหลีเหนือก่อสงครามขึ้น (ไม่นับสงครามประเทศรัสเซีย vs ยูเครนที่สู้รบกันมานาน) เศรษฐกิจทั่วโลกจะดิ่งเหวมากกว่านี้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า…ปี พ.ศ.2566 ใครมาเป็น “นายกฯ” ก็ไม่สามารถกู้เศรษฐกิจให้ฟื้นแบบพุ่งทะยานขึ้นมาได้ กว่าเศรษฐกิจจะฟื้นขึ้นมาต้องอดทนรอไปถึงปี พ.ศ.2567 ถึงจะค่อยยังชั่ว แต่ถ้าจะให้เศรษฐกิจดีจริงๆ ต้องเป็นปี พ.ศ.2568-2569 ถึงจะดีจริง (ขอย้ำว่าต้องไม่เกิดสงครามระลอกใหม่) ใครทนได้ก็ทนไป ใครทนพิษเศรษฐกิจไม่ได้ก็ตายหยังเขียด
…“คนจนจะหมดไป”…คำนี้คุ้นๆ ว่าเคยได้ยินจากปากมือเศรษฐกิจคนหนึ่ง แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใครชื่ออะไร แต่ที่กล่าวมานั้น มันกลายเป็นความจริงแล้ว เพราะคนจนตายเกือบหมดแล้วจริงๆเชื่อหรือไม่? ในปี พ.ศ.2566 ยังต้องระวังภัยธรรมชาติ เช่นแผ่นดินไหวเป็นต้น ผมเคยเขียนคำทำนายดวงเมืองไว้ว่า ให้ระวังบุคคลสำคัญของประเทศ (เข้าไปหาอ่านในเฟซบุ๊กนี้เอาเอง) เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศคงช่วยกันภาวนาอยู่ทุกวัน
การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี พ.ศ.2566 ยังเชื่อว่า “พรรคเพื่อไทย” จะได้ ส.ส.มากกว่าพรรคอื่น อย่าประมาท “พรรคก้าวไกล” ก็มีโอกาสที่จะได้ ส.ส.มากพอสมควร…แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่จับมือกับพรรคก้าวไกลมาจัดตั้งรัฐบาล ถ้าพรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล ไม่นานคงจะมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น…พรรคที่น่าจับตามองคือ “พรรคภูมิใจไทย” เพราะมีโอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาล ถ้าพรรคภูมิใจไทย ได้ ส.ส.มากกว่า 120 คะแนนขึ้นไป
…พรรคที่ต้องลุ้นอย่างระทึกคือ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่เชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็น นายกฯอีกสมัย (เหลือเวลาอีก 2 ปี) เกรงว่า “พรรครวมไทยสร้างชาติ” อาจจะได้คะแนนเสียงน้อยกว่า “พรรคภูมิใจไทย” หรือได้คะแนนเสียงสูสีกับพรรคภูมิใจไทย…และถ้า “ลุงตู่” กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง พอ “ลุงตู่” หมดวาระ 2 ปีแล้ว ส.ส.ในพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” จะปั่นป่วนมาก อาจจะถึงกับแตกแยกภายในพรรคเกิดขึ้น อนาคตข้างหน้าเมื่อ “ลุงตู่” พ้นจากการเป็นนายกฯแล้ว “พรรครวมไทยสร้างชาติ” จะอยู่อย่างลำบาก จะกลายเป็นพรรคขนาดกลาง หรือกลายเป็นพรรคเล็ก…ส.ส. จำนวนหนึ่งจะย้ายไปซบพรรคภูมิใจไทย
…ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐคงได้ ส.ส.ต่ำกว่าร้อย อาจจะได้ 50-70 คะแนนเป็นอย่างมาก ส.ส.ภายในพรรคจะขัดแข้งขัดขากันเอง จะเกิดการชิงดีชิงเด่นขึ้นในพรรค…ถ้าท่านมิ่งขวัญ (แสงสุวรรณ์) และร้อยเอกธรรมนัส (พรหมเผ่า) เข้ามาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่าจะมีการต่อต้านอย่างรุนแรงขึ้นภายในพรรค ถ้าหากหมดยุคลุงป้อมไปแล้ว “พรรคพลังประชารัฐ” จะร่วงโรยรา ถ้าไม่ยุบพรรคก็จะกลายเป็นพรรคเล็กเหมือน “พรรครวมไทยสร้างชาติ”
…ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ คาดว่าจะได้ ส.ส.ประมาณ 60-80 เสียงเป็นอย่างมาก…ส่วนพรรคคุณหญิงหน่อยที่ไปรวมกับพรรคสี่ยอดกุมาร ถ้าได้ ส.ส. 20 คนถือว่าเป็นบุญแล้ว เกรงว่าจะได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น…พรรคชาติไทยพัฒนา (พรรคนายบรรหาร) คงจะได้ ส.ส.เท่าเดิม (จำไม่ได้จริงๆ ว่าคราวที่แล้วได้ ส.ส.มากี่คน) แต่ขอบวก-ลบ 5 คน ยกตัวอย่างเช่นคราวที่แล้วได้ ส.ส. 20 คน คราวนี้อาจจะได้ 20 คน และมีสิทธิ์บวก-ลบ 5 คน ซึ่งอาจจะได้ 25 คน หรือเหลือ 15 คนเป็นต้น
….สมมุติว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส. 120 เสียง แต่พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. 150 เสียง ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลก่อนตามมารยาททางการเมือง…โจทย์หนักจะไปตกที่พรรคเพื่อไทย เพราะจะไปจับมือกับพรรคก้าวไกลก็เสี่ยงจะถูกรัฐประหาร…ถ้าจะเชิญพรรคภูมิใจไทย + พรรคพลังประชารัฐ + พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคอื่นๆ ยกเว้น “พรรคประชาธิปัตย์” และ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เข้ามาร่วมตั้งรัฐบาล การต่อรองตำแหน่งสำคัญๆ จากพรรคภูมิใจไทยคงจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
…“พรรคภูมิใจไทย” จะเป็นพรรคที่เนื้อหอมที่สุด และพรรคภูมิใจไทยแค่นั่งบนภู ดูหมาแย่งกระดูกกันชุลมุนวุ่นวาย เพราะพรรคภูมิใจไทยจะเอียงเข้าฝ่ายไหนก็ได้ทั้งนั้น ถ้าได้ตำแหน่งกระทรวงสำคัญไปครอง…ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ “พรรคภูมิใจไทย” จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถ้ารวมคะแนนเสียงจาก-พรรครวมไทยสร้างชาติ+พรรคพลังประชารัฐ+พรรคประชาธิปัตย์+พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคเล็กพรรคน้อย เมื่อรวมคะแนนได้เสียงเกิน 270-280 เสียงขึ้นไป พรรคภูมิใจไทยก็จะได้เป็นรัฐบาล…แต่ถ้ารวมพรรคต่างๆ แล้วยังไม่ได้คะแนนเสียงตามที่ว่า พรรคภูมิใจไทยก็คงต้องหันไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย-พรรคพลังประชารัฐ+พรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อเป็นรัฐบาลร่วม…
การเมือง ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร ถึงแม้ว่าในอดีตเคยกัดกันมาแล้วก็ตาม แต่เมื่อมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล ก็ยังดีกว่าเป็นฝ่ายค้าน การเลือกตั้งครั้งนี้จะใช้กระสุนหรือกล้วยมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เริ่มตั้งแต่การดึงตัว ส.ส.ที่มีเครดิตเกรดเอเข้ามาร่วมพรรค ค่าตัวเกรดเอ หรือเบอร์ตอง (เหมือนหมอนวดที่ติดเบอร์ตอง จะมีราคาค่าตัวดีกว่าเบอร์ธรรมดา) มีค่าตัวอย่างน้อย 30-80 ล้านบาท ถึงเวลาหาเสียงก็ต้องใช้กล้วยทั้งสวน ป้อนให้ชาวบ้าน
การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจำนวนไม่น้อยจะได้รับกล้วยอย่างน้อย 3 ทาง หมายถึง 3 พรรคใหญ่เป็นอย่างน้อยที่ต้องป้อนกล้วยให้กับประชาชน แต่ถึงเวลาลงคะแนนประชาชนจะเลือกแค่หนึ่งคน การเลือกตั้งมีบัตร 2 ใบ พรรคการเมืองใหญ่จึงต้องใช้ทั้งกระสุนและต้องใช้กล้วยเข้ามาล่อประชาชน (ประชาชนส่วนหนึ่งไม่ใช่ประชาชนทั้งประเทศ)
…ที่ผมคิดไม่ตกก็คือ เสียง สว. 250 เสียง ที่มีสิทธิ์เลือกนายกฯ รัฐธรรมนูญฉบับนี้เอาเปรียบคู่ต่อสู้แบบมัดมือชก…ถ้าจำนวนเสียงของพรรคอื่นๆไม่ถึงจำนวน สว. คงจะไม่เอา แต่ถ้า “พรรครวมไทยสร้างชาติ” หรือ “พรรคพลังประชารัฐ” ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล พวก สว.ก็พร้อมที่จะสนับสนุนทันที…(มันไม่แฟร์เลย)…ผมไม่รู้ว่า ถ้าพรรคที่ไม่ใช่พรรคของลุงป้อม และลุงตู่ คะแนนเสียงไม่พอ พรรคเพื่อไทยต้องมีจำนวนเสียงเท่าไหร่ ถึงจะฝ่าด่าน สว.ไปได้…พรรคภูมิใจไทยก็เช่นกัน ต้องมีคะแนนเสียงเท่าไหร่ถึงจะฝ่าด่าน สว. ไปได้…ผม “งง” กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้จริงๆ
….การเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา ส.ส.บางคนได้คะแนนเสียงแบบ งง-งง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ส.ส.ที่เพิ่งได้เป็น ส.ส.เพียงสมัยเดียว เชื่อว่าจะมีหลายคนที่จะ “สอบตก” “พรรคเสรีรวมไทย” ของท่าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ผมชอบเป็นการส่วนตัว เพราะท่านเสรีพิศุทธ์เป็นคนจริง ถ้าขอได้ก็อยากให้ “พรรคเสรีรวมไทย” ได้คะแนนเสียง 20 เสียงขึ้นไป…ซึ่งรู้ว่ามันยาก แต่ก็ขอเอาใจช่วยครับ
ปล. อาจจะมีการยุบพรรคเกิดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะยุบก่อนการเลือกตั้ง หรือยุบหลังจากเลือกตั้งเสร็จแล้ว