“วันชัย” ชี้แก้รธน.เกิน 8 ปียากกว่าทำรัฐประหาร ลั่นส.ว.พ้นบ่วงเงา “ลุงตู่-คสช.”แล้ว เชื่อโหวตเลือกนายกฯตามมติมหาชนหลังเลือกส.ส.แล้วรวมเสียงได้เกินครึ่ง ซัดส.ส.วิ่งหาอำนาจ ตระบัดสัตย์ เลวร้าย น่ากลัวที่สุด
วันที่ 14 ม.ค.66 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภาโสต์ข้อความเรื่อง “ทำการปฏิวัติง่ายกว่าแก้รธน.ง่ายกว่าแก้รธน.ให้เป็นนายกฯได้เกิน 8 ปี” ในเพจเฟซบุ๊คทนายวันชัย สอนศิริ มีข้อความ ดังนี้ ทำการปฏิวัติง่ายกว่าแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นนายกฯได้เกิน 8 ปี ระยะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ส.ว.250 จะโหวตให้ใครเป็นนายกฯ มีการแบ่งสายแบ่งกลุ่ม บ้างก็ปูดข่าวว่าส.ว.วางแผนจะแก้รัฐธรรมนูญให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีได้ พุ่งเป้ากล่าวหาโจมตีส.ว.ไปสารพัดต่างๆนานา เหมือนกับว่าส.ว.250 เป็นคนกำหนดว่าใครจะเป็นนายกฯใครจะเป็นรัฐบาล ถึงขั้นประกาศโค่นล้มปฏิบัติการแลนด์สไลด์และทิ่มแทงหนักข้อขึ้นทุกวัน ผมว่าบรรดานักวิจารณ์ ทั้งส.ส.และพรรคการเมืองติดกับดักรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 หรือกลัวผี 250 ส.ว.จนขี้ขึ้นสมองเกินไป แท้ที่จริงแล้วส.ส.500 คนด้อยค่าตัวเอง ทั้งปากว่าตาขยิบในอำนาจ ไม่ยึดมั่นในเสียงของประชาชน แค่รวมกันเกินกว่า 250 คน หรือยิ่งได้เกินกว่า 375 คนก็เป็นรัฐบาลได้ด้วยพลังของส.ส.เพียวๆ ไม่เกี่ยวกับส.ว.เลย
ข่าวที่ว่าส.ว.จะแก้รัฐธรรมนูญให้คนเป็นนายกฯได้เกิน 8 ปีและจะโหวตให้คนนั้นคนนี้เป็นนายกฯ เป็นคำพูดแลนด์สไลด์ ทำลายความน่าเชื่อถือ ดิสเครดิตส.ว. เป็นการหาเรื่องกันทางการเมือง ผมในฐานะคนใน อยากจะให้ข้อมูลลึกๆว่าข่าวนั้นเป็นการจับแพะชนแกะ ตีปลาหน้าไซ เพราะเรื่องอย่างนี้รวมทั้งกลไกตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เป็นไปได้ยากยิ่งและใครขืนทำได้จริงถือว่ายิ่งกว่าการปฏิวัติเสียอีก
สถานการณ์ช่วงนี้เป็นการชิงนำทางการเมือง ทั้งข้อมูลจริงข้อมูลเท็จก็ใส่กันเข้ามา แท้ที่จริงแล้วอยากจะบอกว่าได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันแล้วหลายกลุ่มหลายฝ่าย เห็นพ้องต้องกันว่าใครรวมเสียงส.ส.ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่งคนนั้นควรจะเป็นรัฐบาล และส.ว.ก็ควรจะโหวตให้คนๆนั้นอันเป็นไปตามมติมหาชน
นับแต่นี้อยากให้พรรคการเมืองทุกพรรคมุ่งมั่นทุ่มเทหาเสียงกันให้เต็มที่ เลิกพะวงหน้าพะวงหลังกับเสียงของส.ว.250 กับเงาของพลเอกประยุทธ์และคสช.ที่เบาบางไปมากแล้ว และส.ว.ก็ไม่ได้อยู่ในบ่วงเงานั้น ต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ให้เสียงของประชาชนตัดสินเหมือนที่นายกฯพลเอกประยุทธ์ประกาศไว้ในวันเปิดตัว เสียงของส.ส. เสียงของประชาชนมาทางไหน ส.ว.ก็คงต้องไปทางนั้น
ยุคนี้สถานการณ์นี้ไม่มีใครหรอกที่จะมาสวนกระแสของประชาชน สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดนั่นก็คือส.ส.ด้วยกันเอง วิ่งหาอำนาจกันจนลืมประชาชน หักหลังกันเองเพื่อมีอำนาจ ทั้งตระบัดสัตย์คำพูดของตัวเองเพื่อให้มีอำนาจก็ทำกันมาแล้ว อย่างนี้แหละเลวร้ายกว่าสิ่งที่กล่าวหาโจมตีส.ว.250 เสียอีก