“บิ๊กตู่” โพสต์เฟซบุ๊กโชว์ผลงาน 4 ด้าน ลั่น “คุก ไม่ได้มีไว้เพื่อขังคนจน” และทุกคนก็อาจผิดพลาดได้ ไม่ควรจะมีตราบาปจากการขังคุกหรือเข้าตะราง
เมื่อวันที่ 25 ม.ค.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่านครับ
วันนี้ (25 ม.ค.66) ผมมีเรื่องที่มีความสำคัญมากต่ออนาคตของประชาชนชาวไทยในภาพรวม อันเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมไทย ให้เป็นสังคมที่เต็มเปี่ยมไปด้วย “ความมั่นคงของมนุษย์ (Human Security)” ในด้านต่างๆ ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ซึ่งผมมีความยินดีที่จะขอหยิบยกมากล่าวบางส่วน ดังนี้
1.ด้านสุขภาพอนามัย : ครม.เห็นชอบ “โครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย” สำหรับเชื่อมโยงข้อมูลด้านสุขภาพของทุกคน ซึ่งโรงพยาบาลทุกระดับสามารถเข้าถึง ใช้ประโยชน์ และตรวจสอบประวัติการรักษา การวินิจฉัยโรค สิทธิประโยชน์ ฯลฯ ที่จะช่วยให้คนไทยทุกคนสามารถเข้ารับการรักษาที่ไหนก็ได้ ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน อยู่ระหว่างเดินทาง หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งการส่งต่อผู้ป่วยไปรับการรักษาที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพต่อไป
2.ด้านการมีงานทำ รายได้ และเงินออมที่พอเพียงสำหรับอนาคต : ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง สำหรับปรับเพิ่มเพดานการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการออม ส่งผลให้มี “เงินบำนาญ” ใช้ตลอดชีพหลังเกษียณมากขึ้น เช่น ถ้าเริ่มออมตั้งแต่อายุ 15 ปี และเกษียณ 60 ปี ก็จะได้รับบำนาญ “รายเดือน” เพิ่มขึ้นมากว่าเดิม 2 เท่า คือ จาก 7,387 เป็น 16,779 บาท เป็นโอกาสที่ดีสำหรับพี่น้องแรงงานนอกระบบ รวมทั้งเด็กนักเรียน/นักศึกษา ที่อยากมีบำนาญบ้าง สามารถวางแผนการออม โดยรัฐบาลก็จะสนับสนุนเงินสมทบให้ตามสัดส่วนด้วย
3.ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน : รัฐบาลได้ผลักดันจนสามารถออกกฎหมาย 2 ฉบับสำคัญ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กลางปี 2566 นี้ ได้แก่ (1) พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 และ (2) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ที่มุ่งสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน รวมทั้งพิทักษ์สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานตามหลักสากล ที่สังคมไทยรอคอย
4.ด้านสิทธิและความเป็นธรรม มีหลักประกันและการคุ้มครองด้านสิทธิ : ได้แก่ (1) พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.2565 ที่จะช่วยขจัดคำกล่าวที่ว่า “ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือ ความไม่ยุติธรรม” เพราะสุจริตชนต้องได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการที่ชัดเจน สะดวก และรวดเร็ว ในขณะที่ผู้กระทำผิดต้องไม่ลอยนวล (2) พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 ที่จะมาช่วยปกป้องสิทธิพื้นฐาน สำหรับผู้ที่พลั้งพลาดกระทำความผิดที่ไม่ร้ายแรง โดยไม่ต้องมีโทษทางอาญา ไม่มีประวัติอาชญากรรมติดตัว ซึ่งอาจขอรับโทษปรับตามฐานะทางเศรษฐกิจ หรือขอทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ แทนการจ่ายค่าปรับได้ เพราะ “คุก ไม่ได้มีไว้เพื่อขังคนจน” และทุกคนก็อาจผิดพลาดได้ ไม่ควรจะมีตราบาปจากการขังคุกหรือเข้าตะราง
ทั้งหมดนี้ คือ ความตั้งใจของผมและรัฐบาล ที่ต้องการดูแลสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทยทุกคน อันเป็น “ความมั่นคงของมนุษย์” ที่ทั่วโลกให้การยอมรับครับ