“ภท.” โต้ พท.ดิสเครดิต “ศักดิ์สยาม” ใส่ร้าย หวังผลทางการเมือง ยันไม่ได้ซุกหุ้นบ.เอกชน ลั่นไม่มีผลปย.ทางตรง-อ้อมในกมธ.งบประมาณ ขู่ยื่นฟ้องยุบพรรค
วันที่ 25 ม.ค.2566 ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นคำร้องนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปยังประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีและสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ส.ส.สิ้นสุดลง และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ว่า ประเด็นที่มีการกล่าวหาว่านายศักดิ์สยามมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งนั้น เป็นเรื่องเดิมที่อยู่ในขบวนการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยนายศักดิ์สยามได้มีการชี้แจงมาตลอดว่า ก่อนการเลือกตั้งได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น และมีการดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันว่านายศักดิ์สยามได้พ้นจากผู้ถือหุ้นตั้งแต่เวลานั้นแล้ว
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนที่ระบุว่ามีการกระทำใดๆ เพื่อให้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณนั้น นายศักดิ์สยามก็ได้มีการชี้แจงแล้วเช่นกัน ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน การทำหน้าที่ส.ส.และกรรมาธิการที่นายศักดิ์สยามได้รับมอบหมายก็ทำหน้าตามปกติ ฉะนั้น เรื่องที่กล่าวหานายศักดิ์สยามเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ย้ำว่านายศักดิ์สยามไม่ได้มีการทำการใดๆ ให้ได้รับผลประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อม
“การกระทำการดังกล่าวถือเป็นการกระทำเพื่อดิสเครดิสนายศักดิ์สยาม ในฐานะเลขาธิการพรรค สิ่งที่ต้องเข้าใจคือขณะนี้อยู่ในกรอบ 180 วัน ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประกาศ ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องบอกว่า ในฐานะพรรคภูมิใจไทย เรามองว่า ท่านไม่ได้มีเหตุใด นอกจากจะทำให้มีผลกระทบเรื่องของคะแนนนิยม และการที่ท่านดำเนินการดังกล่าว เรามีความเห็นว่าเป็นการกระทำที่มีการฝ่าฝืน กฎหมาย ซึ่งได้บัญญัติที่จะต้องให้ความคุ้มครอง ความสุจริต หากวันนี้ท่านยื่นต่อป.ป.ช.ไปแล้ว วันนี้ป.ป.ช.มีหน้าที่วินิจฉัยว่าการกระทำนั้นเป็นการทุจริตหรือไม่ ซึ่งยังไม่ได้วินิจฉัยออกมา ท่านดำเนินการโดยใช้อคติ หรือวิธีการตีความเข้าข้างตัวเอง”นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า สิ่งที่ท่านแสดงออกมา เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามพรรคภูมิใจไทยและเลขาธิการพรรค เป็นเจตนาที่หวังผลทางการเมือง และหวังให้สิ่งเหล่านี้กระทบต่อคะแนนความนิยมพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหลังจากนี้หากเราพิจารณาว่า สิ่งที่ท่านทำมาอาจจะกระทำผิดตามมาตรา 73 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ อย่างไร และการกระทำนั้นเป็นการใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จทำให้มีผลต่อคะแนนนิยมของพรรค ภท. เรา อาจจะต้องมีความจำเป็นที่จะยื่นดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การกระทำใดของท่านหากดูแล้วเห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาท ใส่ความ เราอาจจะต้องดำเนินคดี หรือหากผู้นำพรรคการเมือง หรือคณะกรรมการบริหารพรรค และได้มีการดำเนินการเช่นนี้ ก็อาจจะต้องมีการ พิจารณาเพื่อดำเนินการที่จะยุบพรรคต่อไป
