วันพุธ, พฤศจิกายน 27, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSทูตเดนมาร์กสอบถามเรื่องการเลือกตั้ง นายกฯย้ำเดินหน้าไปสู่แนวทางตามหลักปชต.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ทูตเดนมาร์กสอบถามเรื่องการเลือกตั้ง นายกฯย้ำเดินหน้าไปสู่แนวทางตามหลักปชต.

นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ พร้อมร่วมมือการเกษตร การท่องเที่ยว ผลักดันร่วมกันด้านเศรษฐกิจสีเขียว แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมสร้างความยั่งยืนให้ภูมิภาค และเพื่อประชาคมโลก

เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยอน ทัวร์กอร์ด (H.E. Mr. Jon Thorgaard) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญดังนี้

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา



นายกรัฐมนตรีต้อนรับเอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ไทยและเดนมาร์กมีมิตรไมตรีอันดีที่แน่นแฟ้นยาวนาน ซึ่งในปี 2566 นี้จะเป็นวาระครบรอบ 165 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมแสดงความยินดีที่เดนมาร์กได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ฝากความปรารถนาดีไปยังนางเม็ทเทอ เฟรเดอริกเซิน (H.E. Mrs. Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเดนมาร์กด้วย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสพบหารือกันในโอกาสต่อไป พร้อมอวยพรให้เอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ประสบความสำเร็จในการทำงาน รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมให้การสนับสนุน เพื่อสานต่อความร่วมมือที่มีอยู่เดิม และแสวงหาโอกาสเพิ่มสำหรับความร่วมมือใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย

เอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ยินดีที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในไทย พร้อมสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือกับไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายความร่วมมือด้านที่มีศักยภาพร่วมกัน โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทเดนมาร์กลงทุนในไทยแล้วกว่า 100 บริษัท หลายบริษัทมีแผนที่จะตั้งศูนย์การผลิตในไทย ส่วนด้านการท่องเที่ยวชาวเดนมาร์กมาท่องเที่ยวในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยไทยถือเป็นประเทศในสามลำดับแรกที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจในช่วงฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ผ่านมา ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตเดนมาร์กยินดีที่จะเป็นสื่อกลางในการสานต่อความร่วมมือร่วมกันต่อไป

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ ดังนี้

ด้านการเกษตร นายกรัฐมนตรียินดีที่จะสานต่อความร่วมมือเพื่อเพิ่มผลิตผลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ทั้งสองฝ่ายสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และบุคลากรระหว่างกันด้านการเกษตร พร้อมเน้นย้ำประเด็นการลดก๊าซมีเทนที่เกิดจากภาคการเกษตร ซึ่งเอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ เห็นพ้องและยินดีจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาหาร เกษตร และประมง ของเดนมาร์ก มีแผนที่จะเดินทางเยือนไทยในเร็ว ๆ นี้ เพื่อสานต่อความร่วมมือระหว่างกัน

นายยอน ทัวร์กอร์ด (H.E. Mr. Jon Thorgaard)

 

ด้านพลังงานหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ชื่นชมเป้าหมายกรุงเทพฯ (Bangkok Goals) จากการจัดการประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพ โดยเฉพาะโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งสะท้อนศักยภาพของไทยในการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานสะอาด สอดคล้องกับแนวทางที่รัฐบาลเดนมาร์กเน้นย้ำ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ และมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ผ่านการผลิตและแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เดนมาร์กยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันเพื่อพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักลงทุนเดนมาร์กในสาขาพลังงานที่สนใจ 

ด้านความร่วมมือในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศมีศักยภาพเช่นเดียวกันที่จะสามารถขยายความร่วมมือไปยังภูมิภาคอื่นผ่านกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือในกรอบอาเซียน ซึ่งไทยยินดีที่เดนมาร์กเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนในอาเซียน โดยเฉพาะสาขาที่เดนมาร์กมีความเชี่ยวชาญ อาทิ เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ พลังงานสะอาด เทคโนโลยีอาหาร และนโยบายเพื่อการเปลี่ยนผ่านสีเขียว รวมทั้งความร่วมมือในกรอบสหภาพยุโรป ซึ่งปัจจุบันไทยได้ร่วมลงนามในความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (Comprehensive Partnership and Cooperation Agreement: PCA) ในการประชุม ASEAN – EU Commemorative Summit ณ กรุงบรัสเซลส์ โดยเอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ เชื่อมั่นว่า ทั้งสองประเทศจะช่วยยกระดับความร่วมมือในทุกสาขาให้มีความใกล้ชิดและเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะในกรอบอาเซียนและการเน้นย้ำแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาคมโลก 

ในช่วงท้าย เอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ได้สอบถามถึงประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า ไม่ว่าจะอยู่ในรัฐบาลใด ต้องคำนึงถึงการสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงประโยชน์มากที่สุด เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในสังคม รวมถึง ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเพื่อเดินหน้าไปสู่แนวทางตามหลักประชาธิปไตยได้อย่างมีคุณภาพ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img