เพื่อไทยติวเข้มว่าที่ผู้สมัครภาคเหนือตอนบนสู้ศึกเลือกตั้ง 66 มุ่งขายนโยบาย ทำได้ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคนเพื่อไทยต้องการชัยชนะอย่างถล่มทลาย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน ชูธงขายนโยบายที่ทำได้จริง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ และประธานยุทธศาสตร์ด้านการเลือกตั้ง ภาคเหนือตอนบน พรรคเพื่อไทย นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายพรรคเพื่อไทย และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ร่วมโครงการสัมมนาเตรียมความพร้อม ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภาคเหนือตอนบน พรรคเพื่อไทย ณ โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และทีมทำงาน เข้าร่วมงานพร้อมเพรียงกัน
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ และประธานยุทธศาสตร์ด้านการเลือกตั้ง ภาคเหนือตอนบน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงจุดประสงค์การจัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง ให้แก่ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคเหนือตอนบนทั้ง 8 จังหวัดคือ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ และน่าน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ผู้ประสงค์จะลงสมัคร ส.ส. ครบถ้วนแล้วทั้งหมด 36 เขต
ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ กล่าวเปิดงานสัมมนา โดยแสดงความชื่นชมว่าที่ผู้สมัครและคณะทำงานทุกเขต ที่ได้แสดงพลัง เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง จึงพูดได้เต็มปากว่า เพื่อไทยพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นแน่นอนในเดือนพฤษภาคม 2566 โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทยต้องการชัยชนะอย่างถล่มทลาย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน ชูธงขายนโยบายที่ทำได้จริง โดยผู้แทนที่ใกล้ชิดประชาชน และแคนดิเดตที่บริหารเป็น พร้อมนำนโยบายของพรรคไปผลักดันให้เกิดขึ้นจริง
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายพรรคเพื่อไทย บรรยายสรุปหลักคิด ปัจจัยความสำเร็จ และนโยบายหลักในการสู้ศึกสนามเลือกตั้งครั้งนี้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยแพ้การเลือกตั้ง เพราะเพื่อไทยมีหัวใจคือประชาชน จึงอยู่ในหัวใจของประชาชนตลอดมา ‘การสร้างรายได้’ คือหลักคิดของเพื่อไทย เราเคยทำได้ และจะทำอีก
“จากคิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน วันนี้เพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน นโยบายในอดีตที่เพื่อไทยเคยสำเร็จ จนเป็นแบรนด์ และยังคงมีคุณค่าอยู่ในปัจจุบัน จะกลับมา และมาในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม เช่น การยกระดับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ราคาพืชผลเกษตรขึ้นยกแผง แก้หนี้ด้วยการสร้างรายได้ และรายได้นั้นต้องเป็นรายได้ใหม่ของคนทุกกลุ่ม” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
