วันพฤหัสบดี, กันยายน 19, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightแฉหลักฐานมัด'3จึงรุ่งเรืองกิจ' เซ็นรับรู้ที่ดินอยู่ในป่าสงวนฯ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แฉหลักฐานมัด’3จึงรุ่งเรืองกิจ’ เซ็นรับรู้ที่ดินอยู่ในป่าสงวนฯ

“กรมป่าไม้” รุกฆาตตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” อีกครั้ง แจ้งความ “บก.ปทส.” เอาผิด “สมพร-ชนาพรรณ-ธนาธร” ฐานรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี กว่า 2 พันไร่ ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 147 ล้าน พ่วงเอาผิด 5 จนท.รัฐด้วย แฉหลักฐานเด็ดคือเอกสารเซ็นรับทราบว่าที่ดินอยู่ในป่าสงวนฯ แต่ยังจะซื้อขายต่อ ถือว่าความผิดสำเร็จ

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.64 นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีแจ้งความเพิ่มเติมเอาผิด นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ, น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ใช้เอกสารที่ออกโดยมิชอบมาครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี จำนวน 2154-3-82 ไร่

นายอดิศร กล่าวว่า กรมป่าไม้ได้ขยายผลสืบสวน สอบสวนต่อเนื่องจากข้อมูลเดิมที่ได้ดำเนินการไว้ กรณีที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังจากที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา พบว่า ยังมีการนำเอกสารสิทธิที่ดินประเภท นส.3ก ที่เป็นเอกสารที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของนางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ และนายธนาธร อีกจำนวนไม่น้อยกว่า 60 ฉบับ รวมเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ ที่นำมายึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ จ.ราชบุรี

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า ผลการตรวจสอบ พบว่า พื้นที่ที่มีการครอบครองทำประโยชน์ อยู่ในท้องที่ ต.รางบัว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่ต่อเนื่องขนาดใหญ่ เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 3 พันไร่เศษ มีการใช้ประโยชน์โดยปลูกยูคาลิปตัสต่อเนื่องทั้งพื้นที่ สืบทราบว่ามีการจ้างเฝ้าดูแลพื้นที่โดยกลุ่มบุคคลในพื้นที่ เป็น “ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน” หมู่ที่ 3 ต.ด่านท่าตะโก สืบสวนสอบสวนพบว่าพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด ถูกครอบครองโดยใช้เอกสารสิทธิประเภท นส.3ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 60 ฉบับ และตรวจสอบพบผู้ครอบครอง นส.3ก คือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่ เป็นของ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ และของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 2,154-3-82 ไร่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเอกสารทั้ง 60 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (ส.ค.1) เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข 85 เมื่อปี 2512 หรือก่อนที่จะมีการออกเอกสาร น.ส.3ก ทั้ง 60 ฉบับ จึงเป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายอดิศร กล่าวอีกว่า เมื่อตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าปรากฏชื่อผู้ครอบครอง 3 รายคือ นางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมายึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการกระทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งเจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ที่ได้ร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน นส.3ก ทั้ง 60 แปลงเนื้อที่ 2,154-3-82ไร่ ประกอบด้วย 1.นายวานิภพ ธรรมวิเศษ เป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์สอบสวน 2.นายรวม ชลิตโกมุท เป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาคสนาม 3.นายไพโรจน์ รัตนวิสาลนนท์ เป็นผู้ควบคุมสาย 4.นายโกศล ลักษิตานนท์ เป็นผู้ลงนามเห็นควรออก นส.3ก 5.นายเฉลิมวงศ์ สรรพศิริ ปลัดอำเภอ ทำการแทนนายอำเภอจอมบึง เป็นผู้ลงนามคำสั่งให้ออกเอกสาร นส.3ก ตั้งแต่ช่วงปี 2521 โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วตามรายละเอียดข้างต้น จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่เชื่อได้ว่า เป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ประมวลกฎหมายที่ดินตามพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และประมวลกฎหมายอาญา จึงให้ดำเนินคดีกับนางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ นายธนาธร และเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันกระทำความผิดอีก 5 คน รวมทั้งฟ้องแพ่ง จำนวน 147,063,223.15 บาทด้วย

นายอดิศร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบ บันทึกการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดินกับผู้ซื้อขาย มีการบันทึกถ้อยคำว่า “พนักงานเจ้าหน้าทีได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบข้อเท็จจริงแล้ว และที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรืออาจจะไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงอาจจะถูกแก้ไขหรือเพิกถอนได้” นั่นหมายความว่า เจ้าตัวรับทราบอยู่แล้วว่า ที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และอาจมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในวันข้างหน้า แต่ก็ยังมีการยืนยันจะซื้อขายต่อ จึงเป็นการเจตนายืนยันครอบครอบที่ดินโดยมิชอบ และเป็นหลักฐานสำคัญในการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img