“วราวุธ” ชี้อภิปรายม.152 เป็นประโยชน์ทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน-ประชาชน เชื่อส.ว.ตั้งป้อมไม่เลือก “แพทองธาร” นั่งนายกฯเป็นความเห็นต่าง สุดท้ายฝืนกระแสปชช.ไม่ได้
วันที่ 13 ก.พ.2566 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 วันที่ 15 -16 ก.พ. ซึ่งขณะนี้มีกระแสข่าววว่าพรรคแกนนำรัฐบาลล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลให้ไม่ร่วมประชุม ว่า การอภิปรายแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายค้านจะตั้งข้อสังเเกต และรัฐบาลทำหน้าที่ชี้แจงข้อกล่าวหาและข้อสังเกตเหล่านั้นให้ประชาชนทั่วประเทศ ได้รับรู้ เพียงแต่บางครั้งการอภิปรายของฝ่ายค้าน อาจจะดุเด็ดเผ็ดมันส์ต้องรักษามารยาทให้อยู่ในองค์ประชุมตามกรอบข้อบังคับอย่าเลยเถิดไปถึงบุคคลภายนอก
ทั้งนี้ตนคิดว่าเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายการล่มมองค์ประชุมหรือไม่นั้นคนที่่เสียโอกาสคือประชาชน อย่างไรก็ตามตามมธรรมเนียมของพรรคชาติไทยพัฒนา นั้นก่อนการอภิปรายครั้งใดเราจะเรียกประชุม เวลา 09.00 น. และ ในวันที่ 15 ก.พ.โดยส.ส.ของพรรคทั้งหมดจะเข้าประชุม เช่นกัน และจากกรณีกระแสข่าวทำให้สภาฯ ล่มนีั้น เราคงต้องหารือในที่ประชุมของพรรคก่อน เพราะผู้ใหญ่แต่ละคนมีควาคิดและเหตุผลแตกต่างกันไป แต่ที่สุดแล้ว ทิศทางของพรรคไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อถามย้ำว่าแกนนำรัฐบาลขอร้อง ไม่ให้พรรคชาติไทยพัฒนาร่วมเป็นองค์ประชุมมีจุดยืนอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัมนาเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งพรรค จะตอบคนเดียวไม่ได้ ต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมพรรคก่อน ย้ำว่าการเปิดอภิปรายเป็นประโยชน์มากกว่า ทั้งประชาชน ฝ่ายค้านและรัฐบาล
เมื่อถามว่า หากมีเหตุกรณ์ดังกล่า่วเกิดขึ้นจริง จะกิดผลสะท้อนทางการเมืองอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า หากมีการอภิปรายในสภาฯ เราจะสามารถใช้เป็นเวทีตอบคำถามได้ แต่หากไม่มีการอภิปรายเกิดขึ้นจะเอาเวทีไหนมาตอบคำถามให้สังคมทราบ อย่างไรก็ตามพรรคชาติไทยพัฒนาทำงานโดยไม่มีวาระซ่อนเร้น หากฝ่ายค้านตั้งข้อสงสัยหรืออภิปรายเรื่องตนยินดีตอบทุกเรื่อง หากไม่มีเวทีจะไปตอบที่ไหน แน่นอนว่า ความผิดพลาดในการทำงานย่อมมีเกิดขึ้นเพราาะหากไม่มีเลยแสดงว่าไม่ได้ทำงาน แต่อยู่ที่ว่าเกิดความผิดพลาดแล้วแก้ไขอย่างไร จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้อยางไรเป็นหัวใจสำคัญ ยืนยันว่า ตลอดเวลา 3-4ปีที่ทำงานมาไม่มีเรื่องทุจริต
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ส.ว.จะขัดขวางไม่ให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกฯ นายวราวุธ กล่าวว่า เชื่อว่าแต่ละคนมมีความคิดแตกต่างกันไปเมื่อการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ประชามติของประชาชนกว่า 60 ล้านคนทั่วประเทศ หรือ 52 -53 ล้านคนนั้น จะเป็นตัวชี้ว่า อยากได้พรรคการเมืองใด บุคคลใดเป็นนายกฯ ดังนั้น การออกความเห็นของสมาชิกรัฐสภาแต่ละคน เป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะดำเนินการได้
เมื่อถามว่ากรณีที่บางพรรคเเตรียมส่งผู้สมัครลงชนกับ ส.ส.ของพรรคใน เขต 1 นั้น นายวราวุธ กล่าว่า ตนพูดทุกครั้งว่า 5 เขตของสุพรรณบุรีนั้นหนักทุกเขต ห่วงทุกเขต และไม่ได้มองว่าใครจะลงสมัครเพราะไม่ใช่ธงของพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว สู้ไม่ถอย สู้ยิบตาเพราะที่นี่คือ ฐานที่มั่นของชาติไทยพัฒนา เราไม่ยอมถอยให้ใครง่ายๆ แน่นอน