“หัวหน้าภูมิใจไทย” ปัดจงใจทำสภาล่ม แต่ไม่ได้ถึงกับกำชับให้ส.ส.ทุกคนต้องเข้า เหตุอภิปรายแบบไม่ลงมติ – มีเอกสิทธิ์คุ้ม ไม่เชื่อ ‘ส.ว.’ มีอำนาจใหญ่กว่าปชช. ฝืนความต้องการเลือกนายกฯ
วันที่ 13 ก.พ.2566 ที่ชุมชนหมู่บ้านพัฒนา 70 ไร่ เขตคลองเตย กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ว่าพรรคภูมิใจไทยมีพร้อมอยู่แล้ว เพราะเป็นการอภิปรายที่ให้คำแนะนำและไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน หากฝ่ายค้านอภิปรายสร้างสรรค์ ไม่กล่าวร้ายป้ายสี คณะรัฐมนตรีก็มีความพร้อมที่จะชี้แจง
เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านอภิปรายซ้ำซากจะร่วมเป็นองค์ประชุมหรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า หากใครอภิปรายมาเราก็ชี้แจงพร้อมเหตุผล แต่หากเป็นการใส่ร้ายป้ายสีหรือเป็นข้อมูลที่ปราศจากข้อเท็จจริง เราก็ต้องเอาข้อเท็จจริงมาตีแผ่ประชาชนทราบ
“พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เจาะจงหรือจงใจที่จะให้องค์ประชุมไม่ครบและทำให้สภาล่ม ส่วนใครจะมองยังไงก็ได้ การอภิปรายจะเกิดขึ้นในอีก2วันที่จะถึงนี้แล้ว ขออย่าไปคิดเช่นนั้น อย่างน้อยผมเองในฐานะรัฐมนตรีก็ต้องเข้าสภาเพื่อไปฟัง ส่วนใครที่เข้าสภาไปไม่ได้ก็มีคนคอยมอนิเตอร์ติดตามการอภิปรายอยู่ข้างนอกสภาฯ ขณะเดียวกันการอภิปรายในครั้งนี้ถือเป็นการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ส.ส. ทุกคนมีเอกสิทธิ์ที่จะเข้าสภาไปฟังอภิปราย พรรคไม่ได้กำชับให้ทุกคนต้องเข้า ส่วนรัฐมนตรีที่ถูกพาดพิงก็ต้องเข้าสภาไปชี้แจงอยู่แล้ว” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) บางคนออกมาบอกว่าอำนาจในการโหวตนายกรัฐมนตรีอยู่ในมือ สว.250 คน อาจจะถูกมองว่าตั้งตัวเป็นพรรคการเมืองว่า มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าไม่ อำนาจใหญ่ใดใหญ่กว่าอำนาจประชาชน ตนเองถึงได้บอกอยู่เสมอว่าอย่าไปคาดการณ์หรือตั้งคำถามอะไรไว้ก่อน ของจริงที่สุดคือหลังเลือกตั้งคนที่อยู่ในสภาฯ ก็ต้องทำตามเสียงของประชาชนนั่นแหละคือของจริง
เมื่อถามว่า จะมองว่าเสียงของ ส.ว. จะทำให้พรรคการเมืองเสียเปรียบหรือไม่นั้นนายอนุทินกล่าวย้ำว่า “ ไม่มีใครใหญ่กว่าประชาชน และฝืนประชาชนได้ ยิ่งพรรคภูมิใจไทยยิ่งไม่กล้าฝืน”