“บิ๊กป้อม”โวไม่ให้มีภัยแล้งในอีสานอีก เร่งโครงการสำคัญช่วยชาวบ้านมีน้ำใช้

‘บิ๊กป้อม’ลุย 3 จว.อีสานรวด ‘อุดรฯ-หนองคาย-เลย’ สั่งเร่งโครงการสำคัญแก้ขาดแคลนน้ำ ลั่นไม่ให้มีภัยแล้งในอีสานอีกต่อไป 

เมื่อวันที่ 24 ก.พ.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกอนช. และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำ และความก้าวหน้าโครงการด้านทรัพยากรน้ำที่สำคัญใน จ.อุดรธานี หนองคาย และเลย โดยในช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เพื่อลงพื้นที่ตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำใน จ.อุดรธานี โดยมีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับ ขณะที่เลขาธิการสทนช.ได้บรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำในจ.อุดรธานี

สำหรับจ.อุดรธานีมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรมุ่งหวังให้ประชาชนในเขต อ.กุดจับ พ้นวิกฤตขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง พร้อมมุ่งสร้างความมั่นคงทางการเกษตรและปศุสัตว์ ให้เกษตรกรมีน้ำเพาะปลูกพืชในฤดูแล้ง และช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในลำน้ำห้วยเชียง สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนจากการเป็นแหล่งประมง และส่งเสริมอาชีพให้แก่คนในชุมชนได้อีกด้วย โดยได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชียง (ตอนบน) จ.อุดรธานี ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพื่อยกระดับความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่

จากนั้น ในช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตรและคณะ เดินทางไปยังลานวัฒนธรรม เทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เพื่อลงพื้นที่ตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ จ.หนองคาย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มอบหมายให้กรมชลประทานดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง จ.หนองคาย พร้อมทั้งเตรียมแผนรับมือฝนทิ้งช่วง ป้องกันการขาดแคลนน้ำ และแผนรับมือน้ำท่วม โดยกำชับให้บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประชาชนสามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านอุปโภค บริโภค เกษตรกรรม รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่  ต่อมา รองนายกฯและคณะได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการประตูระบายน้ำศรีสองรัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่อ.เชียงคาน จ.เลย โดยพล.อ.ประวิตรได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งรัดการก่อสร้างโครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักฯ ในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จเป็นไปตามแผนที่กำหนด เนื่องจากเป็นโครงการที่จะสามารถบรรเทาภัยพิบัติด้านน้ำให้ประชาชนได้อย่างมาก อีกทั้งได้กำชับเรื่องการส่งเสริมให้ครัวเรือนมีอาชีพที่สร้างรายได้ให้ตัวเอง ซึ่งทำให้เศรษฐกิจครัวเรือนมีความมั่นคงด้วย

สำหรับการลงพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดภาคอีสานครั้งนี้ พล.อ.ประวิตรมอบหมายให้ สทนช. เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการ ประสานแผนการบริหารจัดการน้ำในทุกมิติ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงบูรณาการหน่วยงานให้ดำเนินการตาม 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง ปี 2565/66 อย่างเคร่งครัด อีกทั้งมอบหมายให้จังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และเตรียมการช่วยเหลือประชาชนให้ทันสถานการณ์ พร้อมเน้นย้ำให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง 

ขณะที่บรรยากาศการพบปะประชาชนนั้น พล.อ.ประวิตรได้เดินทักทายและรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชนที่มาให้การต้อนรับจำนวนมาก และถ่ายรูปเซลฟี่กับพล.อ.ประวิตรอย่างเป็นกันเอง อีกทั้งยังมีกลุ่มชาวบ้านถือป้ายชูป้ายให้กำลังใจและสนับสนุน พล.อ.ประวิตรให้เป็นนายกรัฐมนตรีของชาวอีสานด้วย ขณะที่พล.อ.ประวิตรได้ยืนยันกับชาวบ้านด้วยว่า จะไม่ให้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งในภาคอีสานอีกต่อไป

ด้านนายสุรสีห์ กล่าวว่า สำหรับ จ.อุดรธานี มีแผนงาน/โครงการด้านทรัพยากรน้ำ ปี 2566 รวม 33 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 14 อำเภอ พื้นที่รับประโยชน์ 4,800 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 3.38 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) อาทิ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชียง (ตอนบน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการประตูระบายน้ำห้วยน้ำฆ้อง ระยะที่ 1 ส่วนจ.หนองคาย มีแผนงาน/โครงการด้านทรัพยากรน้ำ ปี 2566 รวม 19 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 8 อำเภอ พื้นที่รับประโยชน์ 1,100 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 1,177 ครัวเรือน และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 0.51 ล้าน ลบ.ม. เช่น โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง โครงการประตูระบายน้ำหัวงานและอาคารประกอบ โครงการประตูระบายน้ำห้วยเป เป็นต้น ขณะที่จ.เลย มีแผนงาน/โครงการด้านทรัพยากรน้ำปี 2566 รวม 20 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 10 อำเภอ พื้นที่รับประโยชน์ 3,180 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 5,411 ครัวเรือน และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 0.33 ล้าน ลบ.ม. เช่น โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองเลย ระยะที่ 3 เป็นต้น